โลกมีสนามแม่เเหล็กห่อหุ้มทั่วทั้งดวงหนาเหนือพื้นผิวขึ้นไปหลายหมื่นกิโลเมตร สนามแม่เหล็กโลกมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตบนโลกทั้งหมดบนโลก เพราะทำหน้าที่เหมือนเกราะคุ้มกันอันตรายจากพายุสุริยะที่พัดมาจากดวงอาทิตย์ แต่ไม่นานมานี้นักดาราศาสตร์พบช่องโหว่ของสนามแม่เหล็ก เปิดทางให้อนุภาคพลังงานสูงจากดวงอาทิตย์พัดลอดเข้ามาได้
ช่องโหว่ของสนามแม่เหล็กไม่ใช่เรื่องใหม่ในปี 2504 จิม ดังกีย์ จากวิทยาลัยอิมพีเรียล สหราชอาณาจักร ได้พยากรณ์ว่าสนามแม่เหล็กโลกอาจเกิดช่องโหว่ขึ้นได้ในช่วงที่ขั้วแม่เหล็กของลมสุริยะมีทิศตรงข้ามกับขั้วของสนามแม่เหล็กโลก การที่สนามแม่เหล็กที่มีขั้วตรงข้ามกันมาชนกันจะเกิดการเชื่อมลัดของสนามแม่เหล็ก ทำให้เกิดช่องโหว่ขึ้น อนุภาคประจุไฟฟ้าจากลมสุริยะจึงพุ่งผ่านได้
ทฤษฎีของดังกีได้รับการยืนยันเมื่อมีการค้นพบช่องโหว่สนามแม่เหล็กเป็นครั้งแรกในปี2522 จากยานไอซี (ISEE--International Sun Earth Explorer) แต่การตรวจพบในครั้งนั้นเกิดขึ้นจากการที่ยานโคจรผ่านรอยแตกนั้นเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ จึงไม่ทราบว่ารอยแตกนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วคราวหรือเกิดขึ้นเป็นเวลานาน
แต่การค้นพบครั้งใหม่ล่าสุดนี้พบโดยดาวเทียมอิเมจ(IMAGE--Imager for Magnetopause to Aurora Global Exploration) โดยได้พบช่องโหว่ขนาดใหญ่เกือบเท่ารัฐแคลิฟอร์เนียบริเวณบรรยากาศชั้นบนเหนือขั้วโลกเหนือ ทำให้เกิดแสงเหนือโปรตรอนที่มีพลังงานกว่า 75 ล้านวัตต์ และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานถึง 9 ชั่วโมง แสงเหนือโปรตรอนเป็นแสงเหนือชนิดหนึ่ง เกิดจากไอออนหนักจากดวงอาทิตย์พุ่งเข้าชนบรรยากาศชั้นบนของโลกแล้วเปล่งแสงอัลตราไวโอเลตออกมา แม้แสงนี้จะมองไม่เห็นด้วยตามนุษย์ แต่ตรวจจับได้โดยกล้องของดาวเทียมอิเมจ ในขณะเดียวกัน กลุ่มดาวเทียมคลัสเตอร์ซึ่งเป็นฝูงบินดาวเทียม 4 ดวงลอยอยู่เหนืออิเมจโคจรผ่านรอยแตกนั้นพอดีสามารถตรวจจับลมสุริยะกำลังพรั่งพรูผ่านรอยแตกนั้นได้
นักวิทยาศาสตร์คาดว่าช่องโหว่นี้เริ่มเกิดขึ้นที่ระดับความสูง60,000 กิโลเมตรและมีขนาดใหญ่กว่าโลกถึง 2 เท่า เนื่องจากสนามแม่เหล็กลู่แคบลงเมื่อพุ่งเข้าสู่ขั้วแม่เหล็กบนโลก รอยต่อนี้จึงหดลงตามไปด้วยจนเหลือขนาดเท่ารัฐแคลิฟอร์เนียตามที่พบ
โชคดีที่โลกยังมีบรรยากาศโลกเป็นเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่งผลกระทบร้ายแรงของพายุสุริยะจึงจำกัดอยู่ที่สิ่งแวดล้อมบริเวณบรรยากาศชั้นบนเท่านั้น
ช่องโหว่ของสนามแม่เหล็กไม่ใช่เรื่องใหม่
ทฤษฎีของดังกีได้รับการยืนยันเมื่อมีการค้นพบช่องโหว่สนามแม่เหล็กเป็นครั้งแรกในปี
แต่การค้นพบครั้งใหม่ล่าสุดนี้พบโดยดาวเทียมอิเมจ
นักวิทยาศาสตร์คาดว่าช่องโหว่นี้เริ่มเกิดขึ้นที่ระดับความสูง
โชคดีที่โลกยังมีบรรยากาศโลกเป็นเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่ง