นักดาราศาสตร์ยุโรปได้พบหลักฐานสำคัญที่สนับสนุนว่า ดาวฤกษ์มวลสูงเกิดขึ้นจากการสะสมดาวทีละน้อย ไม่ใช่เกิดจากการชนและหลอมรวมกันของดาวฤกษ์ดวงเล็ก
ดาวฤกษ์มวลสูงมีอายุสั้นทำให้การศึกษากำเนิดของดาวฤกษ์จำพวกนี้ทำได้ยากเนื่องจากหาดาวฤกษ์มวลสูงที่ยังอยู่ช่วงต้นไม่ค่อยพบ โดยเฉพาะช่วงที่ยังเป็นดาวก่อนเกิด (protostar) ซึ่งดาวยังถูกห้อมล้อมด้วยม่านก๊าซและฝุ่นในช่วงที่ใกล้จะเป็นดาวฤกษ์ที่สมบูรณ์
อย่างไรก็ตามนักดาราศาสตร์ได้พบบริเวณกำเนิดดาวแหล่งหนึ่งซึ่งเผยให้เห็นสภาพของดาวทารกที่เคยถูกซ่อนเร้นภายใต้ม่านฝุ่นมาก่อน แหล่งกำเนิดดาวนี้อยู่ห่างจากโลก 22,000 ปีแสงในแขนกระดูกงูเรือ (Carina arm) ของดาราจักรทางช้างเผือก เป็นส่วนหนึ่งของ NGC 3603 มีชื่อเรียกว่า ไออาร์เอส 9 (IRS 9) ซึ่งฝังอยู่ในเมฆโมเลกุลเอ็มเอ็ม 2
เป็นความบังเอิญที่เมฆโมเลกุลนี้อยู่ใกล้กับกระจุกดาวที่ประกอบด้วยดาวฤกษ์ร้อนแรงจำนวนหนึ่งซึ่งลมดาวจากดาวฤกษ์ในกระจุกดาวนี้ได้พัดให้เมฆที่ล้อมรอบดาวทารกในไออาร์เอส 9 ปลิวออกไป
นูร์นแบร์แกร์หัวหน้าคณะสำรวจจากอีเอสโอได้สำรวจดาวในบริเวณนี้ในย่านความยาวคลื่นหลายย่าน ภาพอินฟราเรดใกล้จากกล้องอันตูขนาด 8.2 เมตรของกลุ่มกล้องวีแอลทีพิสูจน์ว่าดาวเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของ NGC 3603 ไม่ใช่ดาวที่อยู่ฉากด้านหน้า กล้องเอสทีของสวีเดน-อีเอสโอสำรวจในย่านมิลลิเมตร ช่วยในการหาการกระจายของบริเวณที่ก๊าซหนาแน่น และพบว่ารังสีเข้มข้นและลมดาวจากกระจุกดาวนี้ทำให้เกิดโพรงในก้อนเมฆไออาร์เอส 9 ส่วนภาพอินฟราเรดกลางแสดงการกระจายของฝุ่นที่มีความร้อนปานกลางในบริเวณนี้ซึ่งยืนยันว่ากระบวนการกำเนิดดาวยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้นูร์นแบร์แกร์ยังได้ศึกษารายละเอียดดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดสามดวงในไออาร์เอส 9 ดาวทั้งสามนี้มีชื่อว่า ไออาร์เอส 9 เอ, ไออาร์เอส 9 บี และ ไออาร์เอส 9 ซี แต่ละดวงมีอายุต่ำกว่า 100,000 ปีหรืออาจจะน้อยกว่า ไออาร์เอส 9 เอ เป็นดวงที่สว่างที่สุด มีความส่องสว่างสัมบูรณ์ถึง 100,000 เท่าของดวงอาทิตย์ ส่วนอีกสองดวงก็มากกว่าดวงอาทิตย์ 1,000 เท่า ถึงแม้ว่าดาวทั้งสามจะมีอุณหภูมิสูงมาก (ราว 20,000 ถึง 22,000 องศาเซลเซียส) แต่ฝุ่นที่รายล้อมดาวทั้งสามนี้ก็มีอุณหภูมิค่อนข้างต่ำราว -20 ถึง 0 องศาเซลเซียส
การสำรวจนี้ยังยืนยันว่าดาวฤกษ์ที่มีมวลกว่า10 มวลสุริยะเหล่านี้ยังคงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ มีการสะสมมวลเท่ากับโลก 1 ดวงทุกปี หรือราว 1 มวลสุริยะในรอบ 1,000 ปี ไม่พบดาวฤกษ์มวลปานกลางหรือมวลน้อยในบริเวณนี้เลย สิ่งเหล่านี้เป็นหลักฐานที่แสดงว่า ดาวฤกษ์หนักอาจไม่ได้เกิดจากการชนและหลอมรวมกันของดาวดวงเล็กหลาย ๆ ดวงอย่างที่นักดาราศาสตร์หลายคนเคยสันนิษฐานไว้ เพราะอย่างน้อยดาวฤกษ์ในไออาร์เอส 9 ก็มีการกำเนิดด้วยการสะสมพอกพูนมวลเช่นเดียวกับดาวฤกษ์มวลต่ำ
ดาวฤกษ์มวลสูงมีอายุสั้น
อย่างไรก็ตาม
เป็นความบังเอิญที่เมฆโมเลกุลนี้อยู่ใกล้กับกระจุกดาวที่ประกอบด้วยดาวฤกษ์ร้อนแรงจำนวนหนึ่ง
นูร์นแบร์แกร์
นอกจากนี้
การสำรวจนี้ยังยืนยันว่าดาวฤกษ์ที่มีมวลกว่า