ต่อไปนี้นักดาราศาสตร์ที่จะหาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ นอกจากจะมองหาจากจานฝุ่นรอบดาวฤกษ์แล้ว ยังต้องมองหาจากวงแหวนรอบดาวฤกษ์อีกด้วย
นักดาราศาสตร์จากศูนย์ฟิสิกส์ดาราศาสตร์ฮาร์วาร์ด-สมิทโซเนียน(CfA) และจากสถาบันวิทยาศาสตร์อวกาศ (SSI) พบว่า เมื่อดาวเคราะห์ได้กำเนิดขึ้นรอบดาวฤกษ์แล้ว จานฝุ่นที่ล้อมรอบดาวฤกษ์จะกลายสภาพเป็นวงแหวนแทน ดังเช่นที่เกิดขึ้นกับดาว HR 4796A ถูกค้นพบเมื่อปีที่แล้ว
สก๊อตต์เคนยอน และ เคนนี วูด จาก CfA บาบารา วิตนีย์ และ ไมเคิล วูล์ฟ จาก SSI ได้อธิบายว่า สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจาก เมื่อเกิดดาวเคราะห์ขึ้นภายในจานฝุ่นแล้ว ฝุ่นก๊าซที่หลงเหลืออยู่ในจานจะถูกแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์ต้อนให้มารวมอยู่เป็นวงแคบ ๆ ในลักษณะเดียวกันกับที่เกิดกับดวงจันทร์คนเลี้ยงแกะ (Shepherding Moons) ของดาวเคราะห์วงนอกในระบบสุริยะของเรา ที่ทำให้วงแหวนบางวงของดาวเคราะห์มีความคมบางมาก
ตามทฤษฎีนี้นักดาราศาสตร์สามารถบอกช่วงระยะของระบบสุริยะได้จากลักษณะของฝุ่นที่อยู่ล้อมรอบดาวแม่ กล่าวคือถ้ามีลักษณะเป็นจานฝุ่นจะหมายถึงกระบวนการสร้างดาวเคราะห์เพิ่งเริ่มต้น แต่ถ้าเป็นวงแหวน หมายความว่าดาวเคราะห์ได้เกิดขึ้นแล้ว
นักดาราศาสตร์เชื่อว่าวงแหวนฝุ่นนี้จะคงสภาพอยู่ประมาณ10 ถึง 100 ล้านปี หลังจากนั้นจะถูกเป่าให้กระเด็นออกไป และอาจทิ้งดาวเคราะห์ที่ยังสร้างไม่เสร็จ (planetesimal) เอาไว้ ซึ่งคล้ายกับการเกิดวงแหวนไคเปอร์ในระบบสุริยะของเรา
นักดาราศาสตร์จากศูนย์ฟิสิกส์ดาราศาสตร์ฮาร์วาร์ด-สมิทโซเนียน
สก๊อตต์
ตามทฤษฎีนี้
นักดาราศาสตร์เชื่อว่าวงแหวนฝุ่นนี้จะคงสภาพอยู่ประมาณ