ข้อมูลจากยานอวกาศที่สำรวจดาวอังคารแสดงว่า ดาวเคราะห์แดงดวงนี้เป็นโลกที่เย็นยะเยือกและแห้งแล้ง แต่การพบร่องรอยของทางน้ำโบราณอยู่ทั่วไปบนพื้นผิวดาวอังคาร ทำให้นักดาราศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่าในอดีตดาวอังคารอาจเคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแม่น้ำลำธาร ทะเล และมหาสมุทรใกล้เคียงกับโลก
จากรายงานการวิจัยฉบับหนึ่งที่ตีพิมพ์ลงในวารสารไซนซ์ ฉบับ 6 ธันวาคม คณะนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคโลราโดได้เสนอทฤษฎีใหม่ว่า ดาวอังคารมีสภาพแห้งแล้งและหนาวเย็นมาตลอดตั้งแต่ยุคเริ่มต้นแล้ว แต่เคยเกิดยุคชุ่มฉ่ำสั้น ๆ มาหลายครั้งจากการกระตุ้นโดยการชนของดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง
แนวคิดนี้เริ่มมาจากการสังเกตพบว่าแม่น้ำโบราณบนดาวอังคารมีอายุใกล้เคียงกับ"ยุคชนกระหน่ำ" ในช่วง 3.5-3.8 พันล้านปีที่แล้ว ช่วงการเกิดแอ่งที่เกิดจากลูกอุกกาบาตพุ่งชน จึงเกิดความคิดว่าสองสิ่งนี้ต้องเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
หลังจากที่ได้ตรวจตราภาพถ่ายพื้นผิวดาวอังคารและสร้างแบบจำลองการชนของดาวเคราะห์น้อยและดาวหางที่มีขนาดตั้งแต่37-94 กิโลเมตร พบว่ามีหลุมขนาดใหญ่เกิดขึ้นกว่า 20 หลุม ดังนั้นจึงประมาณได้ว่าบนดาวอังคารจะเกิดหลุมขนาดนี้ทุก ๆ 10 ล้านถึง 20 ล้านปีโดยเฉลี่ย การพุ่งชนแต่ละครั้งทำให้เกิดเศษหินเศษดินจำนวนมากกระเด็นขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศและทำให้บรรยากาศอุ่นขึ้น
การชนครั้งใหญ่แต่ละครั้งอาจเป็นการเพิ่มน้ำให้กับชั้นบรรยากาศน้ำอาจจะมาจากไอน้ำจากหัวดาวหาง ดาวเคราะห์น้อย ขั้วของดาวอังคาร ใต้ดิน หรือจากน้ำที่ระเหยออกมาจากเศษดินที่กระเด็นออกมาจากแรงชน เมื่อดาวอังคารเริ่มเย็นลงอีกครั้ง ไอน้ำในบรรยากาศจะกลั่นเป็นน้ำฝนตกลงมา ทำให้เกิดยุคฉ่ำฝนบนดาวอังคาร ปริมาณน้ำฝนที่เกิดขึ้นในยุคนี้อาจมากถึงเกือบสองเมตร หรือเท่ากับปริมาณน้ำฝนบนโลกที่เกิดขึ้นใน 1 ปี น้ำจำนวนนี้เป็นตัวการทำให้เกิดร่องธารและหุบเหวต่าง ๆ บนดาวอังคารดังที่ค้นพบมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970
แต่ยุคแห่งความชุ่มฉ่ำของดาวอังคารคงอยู่ได้ไม่นานนักหลักจากการชนผ่านไปไม่กี่ปีหรือไม่กี่สิบปี น้ำทั้งหมดก็ซึมหายลงไปพื้นดิน ทิ้งให้ผิวดาวแห้งเหือดอีกครั้ง รอคอยการการพุ่งชนครั้งใหม่
จากรายงานการวิจัยฉบับหนึ่งที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร
แนวคิดนี้เริ่มมาจากการสังเกตพบว่าแม่น้ำโบราณบนดาวอังคารมีอายุใกล้เคียงกับ
หลังจากที่ได้ตรวจตราภาพถ่ายพื้นผิวดาวอังคารและสร้างแบบจำลองการชนของดาวเคราะห์น้อยและดาวหางที่มีขนาดตั้งแต่
การชนครั้งใหญ่แต่ละครั้งอาจเป็นการเพิ่มน้ำให้กับชั้นบรรยากาศ
แต่ยุคแห่งความชุ่มฉ่ำของดาวอังคารคงอยู่ได้ไม่นานนัก