ในที่สุด วัตถุที่นำมาซึ่งปัญหาและความขัดแย้ง ก็ได้ชื่อสามัญอย่างเป็นทางการแล้ว และเป็นชื่อที่ดูจะเหมาะสมแก่บทบาทของตนที่สุด
อีริสชื่อของเทพีแห่งความขัดแย้งของกรีก ได้รับการนำมาตั้งเป็นชื่อสามัญของ 2003 ยูบี 313 (2003 UB313) วัตถุดวงนี้ค้นพบเมื่อเดือนมกราคม 2548 โดยไมเคิล บราวน์, ชาด ทรูจิลโล, และเดวิด แอล. ราบิโนวิตซ์ จากคาลเทค ก่อนหน้านี้คณะผู้ค้นพบได้ตั้งชื่อเรียกกันเองอย่างไม่เป็นทางการว่า ซีนา ซึ่งเป็นชื่อของนางเอกนักรบในภาพยนตร์โทรทัศน์ชื่อดัง
การค้นพบอีริสสร้างความสนใจให้นักดาราศาสตร์มากเนื่องจากวัตถุดวงนี้มีขนาดใหญ่กว่าพลูโต ทำให้มีการยกประเด็นสถานภาพของดาวพลูโตขึ้นมาถกกันในหมู่นักดาราศาสตร์ขึ้นมาอีกครั้ง จนเป็นที่มาของการปรับเปลี่ยนการจำแนกประเภทครั้งใหญ่โดยการลดชั้นดาวพลูโตจากดาวเคราะห์ไปเป็นดาวเคราะห์แคระ รวมถึงอีริสเองด้วย
ในขณะเดียวกันศูนย์ดาวเคราะห์น้อยในเคมบริดจ์ได้บรรจุชื่อพลูโตและอีริสเข้าในบัญชีของศูนย์ พลูโตได้หมายเลข 134340 ส่วนอีริสได้หมายเลข 136199 ศูนย์ดาวเคราะห์น้อยเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการจัดเก็บฐานข้อมูลด้านกายภาพและการโคจรของวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะทั้งหมด
ส่วนบริวารดวงเล็กของอีริสที่เคยเรียกให้เข้าคู่กับซีนา ว่า เกเบรียล ก็ได้ชื่อใหม่เป็น ดิสนอเมีย เป็นชื่อของธิดาของอีริส
อีริสมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2,400 กิโลเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าดาวพลูโต 5 เปอร์เซ็นต์ อันดับความสว่าง 18.7 มีวงโคจรรีมาก จุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดอยู่ห่าง 37.9 หน่วยดาราศาสตร์ (ใกล้กว่ารัศมีวงโคจรเฉลี่ยของดาวพลูโต) จุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดอยู่ห่าง 97.6 หน่วยดาราศาสตร์ โคจรรอบดวงอาทิตย์รอบละ 557.8 ปี ระนาบวงโคจรทำมุม 44 องศากับระนาบสุริยวิถี อุณหภูมิพื้นผิว -243 องศาเซลเซียส ส่วนดิสนอเมียมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 305 กิโลเมตร
อีริส
การค้นพบอีริสสร้างความสนใจให้นักดาราศาสตร์มาก
ในขณะเดียวกัน
ส่วนบริวารดวงเล็กของอีริสที่เคยเรียกให้เข้าคู่กับ
อีริส