เป็นครั้งแรกที่นักดาราศาสตร์สามารถตรวจวัดสสารที่อยู่รอบดาวฤกษ์ก่อนที่จะระเบิดเป็นซูเปอร์โนวาชนิด 1 เอ ซึ่งเป็นหลักฐานหนักแน่นที่สนับสนุนว่าซูเปอร์โนวาชนิดนี้เกิดจากดาวแคระขาว
ซูเปอร์โนวาชนิด1 เอ เป็นซูเปอร์โนวาที่สว่างมาก และแต่ละดวงมีความคล้ายคลึงกันมาก นักดาราศาสตร์จึงใช้ซูเปอร์โนวาชนิดนี้เป็นดวงไฟมาตรฐานในการวัดอัตราขยายของเอกภพมาเป็นเวลานานและแพร่หลาย
อย่างไรก็ตามแม้วิทยาการจะก้าวล้ำไปอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ธรรมชาติของการระเบิดของดาวฤกษ์และฟิสิกส์ของการระเบิดประเภทนี้ก็ยังไม่เป็นที่เข้าใจดีนัก
ทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับกันมากที่สุดกล่าวว่าซูเปอร์โนวาชนิด 1 เอ เกิดจากดาวแคระขาวดวงหนึ่งโคจรรอบดาวสหายที่เป็นดาวฤกษ์อีกดวงหนึ่งในระยะใกล้ ระยะที่ใกล้มากและขนาดที่เล็กมากของดาวแคระขาว ทำให้ดาวสหายเสียมวลทีละน้อยมาให้ดาวแคระขาวตลอดเวลา เมื่อดาวแคระขาวได้รับการเติมมวลทีละน้อยจนกระทั่งถึงค่าวิกฤตค่าหนึ่ง ก็จะระเบิดออกมา
นักดาราศาสตร์คณะหนึ่งได้ศึกษาซูเปอร์โนวาดวงหนึ่งชื่อเอสเอ็น 2006 เอกซ์ (SN 2006X) ซึ่งอยู่ห่างออกไป 70 ล้านปีแสง อยู่ในดาราจักรชนิดก้นหอยชื่อ เอ็ม 100 การสำรวจนี้ได้ค้นพบเอกลักษณ์ของสสารที่เคลื่อนออกจากดาวฤกษ์ไหลไปสู่ดาวแคระขาว
การสำรวจครั้งนี้ใช้สเปกโทรกราฟยูเวส(UVES) ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำรวจในย่านรังสีอัลตราไวโอเลตและแสงที่ตามองเห็นที่ติดอยู่บนกล้องวีแอลที 8.2 เมตรของหอดูดาวยุโรปซีกโลกใต้ การสำรวจได้กระทำไปสี่ครั้งในช่วงเวลาสี่เดือน ร่วมกับภาพจากกล้องเค็กในฮาวายที่ถ่ายไว้ในช่วงเวลาอื่น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลด้านสัญญาณวิทยุจากเครือข่ายวีแอลเอ (Very Large Array) ของเอ็นอาร์เอโอ และภาพถ่ายจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลร่วมด้วย
"ไม่เคยมีซูเปอร์โนวาชนิด1 เอดวงไหนที่มีการสำรวจอย่างละเอียดอย่างนี้ภายในช่วงเวลาหลังการระเบิดเพียงสี่เดือนอย่างนี้มาก่อน” เฟอร์ดินานโด พาทาท หัวหน้าคณะผู้ทำรายงานการวิจัยเรื่องนี้ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารไซนซ์เอกซ์เพรสกล่าว
การสำรวจครั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ได้พบสิ่งที่สำคัญมากอย่างหนึ่งก็คือการเปลี่ยนแปลงของเส้นดูดกลืนของสสารที่พ่นออกมาจากดาวยักษ์สหาย ไม่เคยมีใครพบการเปลี่ยนแปลงนี้มาก่อน
"สสารที่พบนี้น่าจะอยู่ในรูปของกระเปาะห่อหุ้มซ้อนกันเป็นชั้นแต่ละชั้นมีรัศมีต่างกัน 0.05 ปีแสงหรือประมาณ 3,000 เท่าของระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์" พาทาทอธิบาย "สสารนี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อวินาที นั่นหมายความว่าดาวได้พ่นสสารนี้ออกมาก่อนการระเบิดราว 50 ปี"
ความเร็วระดับนี้เป็นความเร็วปกติของลมจากดาวยักษ์แดงระบบที่ระเบิดนี้จึงน่าจะเกิดจากดาวแคระขาวที่ประพฤติตัวเหมือนเครื่องดูดฝุ่นยักษ์ที่คอยเก็บกวาดฝุ่นแก๊สที่ปล่อยออกมาจากดาวยักษ์แดงสหาย นี่เป็นครั้งแรกที่พบหลักฐานของสสารสารที่อยู่ล้อมรอบจุดระเบิดโดยตรงและชัดเจนที่สุด
ซูเปอร์โนวาชนิด
อย่างไรก็ตาม
ทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับกันมากที่สุดกล่าวว่า
นักดาราศาสตร์คณะหนึ่งได้ศึกษาซูเปอร์โนวาดวงหนึ่งชื่อ
การสำรวจครั้งนี้ใช้สเปกโทรกราฟยูเวส
"ไม่เคยมีซูเปอร์โนวาชนิด
การสำรวจครั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ได้พบสิ่งที่สำคัญมากอย่างหนึ่งก็คือ
"สสารที่พบนี้น่าจะอยู่ในรูปของกระเปาะห่อหุ้มซ้อนกันเป็นชั้น
ความเร็วระดับนี้เป็นความเร็วปกติของลมจากดาวยักษ์แดง