"ดวงจันทร์เป็นดินแดนที่ตายแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่นั่นไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลานาน รวมถึงภูเขาไฟก็หยุดการปะทุมาแล้วนับพันล้านปี"
ตำราหรือหนังสือเรียนแทบทุกฉบับที่กล่าวถึงดวงจันทร์มักบรรยายไว้เช่นนั้นแต่ไม่แน่ว่าหนังสือเหล่านั้นอาจถึงเวลาต้องเขียนใหม่ เพราะนักดาราศาสตร์พบร่องรอยที่แสดงว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจากการคายแก๊สจากภายในดวงจันทร์ออกมาเมื่อไม่นานมานี้เอง
การศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารเนเจอร์โดยปีเตอร์ชูลซ์ และ คาร์ล ไพเตอร์ส จากมหาวิทยาลัยบราวน์ และ แมตทิว สเตด จากสถาบันวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ได้อ้างถึงหลักฐานจากสามแหล่งต่างกันที่สนับสนุนว่าภูเขาไฟบนดวงจันทร์ได้คายแก๊สออกมาในช่วงหนึ่งถึงสิบล้านปีก่อนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นเวลาแค่ชั่วพริบตาในทางดาราศาสตร์ เป้าหมายในการศึกษานี้อยู่ที่พื้นที่หนึ่งเรียกว่าโครงสร้างไอนา (Ina) เป็นพื้นที่รูปตัว D บนดวงจันทร์ พบครั้งแรกโดยภารกิจอะพอลโล
ความน่าสนใจของพื้นที่นี้ก็คือความคมของขอบรูปตัวD นั้น เนื่องจากรูปร่างที่คมอย่างนี้จะคงอยู่ได้ไม่นานนัก เพราะจะถูกทำลายไปภายในเวลา 50 ล้านปี บนโลก ลมและน้ำจะลบเลือนร่องรอยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวโลกไปภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่บนดวงจันทร์ที่ไม่มีอากาศ ตัวที่จะมากัดกร่อนรอยนี้คือการชนของอุกกาบาตขนาดเล็กที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
การที่ภายในไอนามีรอยชนของอุกกาบาตเป็นจำนวนน้อยก็เป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่แสดงว่ามีอายุน้อยนักวิจัยพบรอยชนชัดเจนที่ใหญ่กว่า 30 เมตรเพียงสองรอยเท่านั้นบนพื้นที่กว้าง 8 ตารางกิโลเมตร ความหนาแน่นของหลุมอุกกาบาตระดับนี้ใกล้เคียงกับที่หลุมเซาท์เรย์ ซึ่งใกล้จุดลงจอดของยานอะพอลโล 16 นักวิทยาศาสตร์ใช้รอยวัตถุที่สาดออกจากหลุมเซาท์เรย์นี้เป็นมาตรสำหรับเทียบอายุภูมิลักษณ์อื่นบนดวงจันทร์มาเป็นเวลานาน และนักดาราศาสตร์ด้านดวงจันทร์ส่วนใหญ่ที่ศึกษาผลจากการอาบรังสีคอสมิกบนก้อนหินเหล่านี้ก็เห็นพ้องตรงกันว่าไอนามีอายุราวสองล้านปี
หลักฐานแหล่งที่สามมาจากการเปรียบเทียบสเปกตรัมที่ได้จากสิ่งสะสมบนแอ่งไอนากับหลุมอุกกาบาตอายุน้อยเมื่อพื้นผิวของดวงจันทร์อายุมากขึ้นความยาวคลื่นของแสงที่สะท้อนออกมาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีแบบแผนที่คาดการณ์ได้ กล่าวคืออัตราสะท้อนแสงรวมลดลงแต่อัตราสะท้อนที่ความยาวคลื่นตั้งแต่ 1,000 นาโนเมตรถึง 750 นาโนเมตรเพิ่มขึ้น ตามอัตราสีเหล่านี้ แสดงว่าสิ่งที่ปกคลุมอยู่บนพื้นผิวที่ไอนามีอายุน้อยเป็นพิเศษ และอาจเป็นไปได้ว่าเพิ่งปรากฏเมื่อไม่นานมานี้
รูปร่างลักษณะของไอนาไม่ได้แสดงถึงการระเบิดหรือปะทุของหินหนืดซึ่งถ้าหากเป็นอย่างนั้นก็ควรจะมีรูปร่างแบบดาวแบบแฉกทิ้งรอยทางเป็นเส้นเรียงตามแนวรัศมี แต่ไอนาเกิดจากการคายแก๊สอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้ฝุ่นหินดินทรายบนพื้นผิวหลุดหายไป เผยให้เห็นพื้นผิวชั้นล่างที่ดูสดใหม่กว่าเพราะผ่านการอาบภูมิอากาศและรังสีต่าง ๆ มาน้อยกว่า การตีความเช่นนี้น่าสนใจสำหรับนักดาราศาสตร์เพราะไอนาอยู่บริเวณรอยตัดระหว่างสันเขาสองแนวเช่นเดียวกับพื้นที่คุกรุ่นหลายแห่งบนโลก
นอกจากนี้พื้นที่แบบไอนาก็ไม่ได้มีเพียงแห่งเดียวบนดวงจันทร์ นักวิทยาศาสตร์ผู้วิจัยเรื่องนี้พบลักษณะคล้ายไอนาไม่ต่ำกว่าสี่แห่งที่อยู่บริเวณดงสันเขาเดียวกัน แม้จะมีหลักฐานหลายแหล่งที่สนับสนุนข้อสรุปของนักวิทยาศาสตร์ว่าดวงจันทร์ของเรามีความคึกคักมากกว่าที่เคยคิดไว้ แต่หนทางเดียวที่จะยืนยันคำตอบนี้ได้ก็คือต้องมีการเก็บตัวอย่างจากพื้นที่ "ไอนาและพื้นที่ประเภทเดียวกันเป็นเป้าหมายที่ดีเยี่ยมของการโครงการสำรวจในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นโครงการมีมนุษย์หรือไม่มีมนุษย์" จี. เจฟฟรีย์ เทย์เลอร์ นักวิจัยดวงจันทร์จากมหาวิทยาลัยฮาวายกล่าว
ตำราหรือหนังสือเรียนแทบทุกฉบับที่กล่าวถึงดวงจันทร์มักบรรยายไว้เช่นนั้น
การศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารเนเจอร์โดยปีเตอร์
ความน่าสนใจของพื้นที่นี้ก็คือความคมของขอบรูปตัว
การที่ภายในไอนามีรอยชนของอุกกาบาตเป็นจำนวนน้อยก็เป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่แสดงว่ามีอายุน้อย
หลักฐานแหล่งที่สามมาจากการเปรียบเทียบสเปกตรัมที่ได้จากสิ่งสะสมบนแอ่งไอนากับหลุมอุกกาบาตอายุน้อย
รูปร่างลักษณะของไอนาไม่ได้แสดงถึงการระเบิดหรือปะทุของหินหนืด
นอกจากนี้