ดาวเคราะห์น้อย 1950 DA ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกเมื่อ 52 ปีก่อน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นอีกเลยมาเป็นเวลาถึงครึ่งศตวรรษ จนกระทั่งปี 2543 ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมทั้งข่าวใหม่มาสะกิดขวัญชาวโลก ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้อาจชนโลกในอีก 800 กว่าปีข้างหน้า
นักดาราศาสตร์จากหอสังเกตการณ์โลเวลล์ค้นพบดาวเคราะห์น้อย1950 DA โดยบังเอิญเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2543 หลังจากการค้นพบครั้งนั้น ได้มีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มอื่นเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ทั้งนักวิทยาศาสตร์เรดาร์จากโกลสโตน แคลิฟอร์เนีย และเอริซิโบ เปอร์โตริโก และประกอบกับภาพถ่ายท้องฟ้าที่บันทึกมาตลอด 50 ปี ทำให้สามารถคำนวณเส้นทางโคจรของดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ได้ และพบว่าภายในไม่กี่ร้อยปีข้างหน้าจะเข้าใกล้โลกมากถึง 3 ครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ.2880 มีโอกาสถึงขั้นจะชนโลกเลยทีเดียว
1950DA มีขนาด 1 กิโลเมตร จัดเป็นดาวเคราะห์น้อยตัดโลก หมายถึงมีวงโคจรตัดกับวงโคจรโลก มีหมายเลขลำดับเรียกอย่างเป็นทางการว่า 29075 โคจรรอบดวงอาทิตย์รอบละ 492 วัน
จอนดี จีออร์จินี จากเจพีแอล ได้รายงานไว้ในวารสาร ไซนซ์ ว่า โอกาสที่จะชนโลกของดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มีถึง 1 ใน 300 นับเป็นดาวเคราะห์น้อยที่มีความเสี่ยงชนสูงที่สุดเท่าที่นักดาราศาสตร์เคยรู้จัก ก่อนหน้านี้ดาวเคราะห์น้อยอันตรายที่สุดคือ 2002 CU11 มีโอกาสที่จะชนโลกในวันที่ 31 สิงหาคม ปี 2592 ประมาณ 1 ใน 30,000
อย่างไรก็ตามในมุมมองของนักดาราศาสตร์จำนวนหนึ่ง รวมทั้งสตีเวน อาร์ เชสลีย์ จากเจพีแอล เห็นว่าประเด็นสำคัญของข่าวนี้ไม่ใช่อัตราเสี่ยงที่จะพุ่งชนโลกแต่อย่างใด เพราะอัตราเสี่ยงดังกล่าวนี้ยังถือได้ว่าแทบจะเป็นศูนย์เลยทีเดียว แต่เรื่องน่าสนใจที่สุดกลับเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาการในการคำนวณวงโคจรที่แม่นยำมาก ซึ่งจะเห็นได้ว่าครั้งนี้นักวิทยาศาสตร์สามารถคำนวณวงโคจรล่วงหน้ายาวนานมากถึงเกือบ 1,000 ปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถประเมินความเสี่ยงจากการชนของดาวเคราะห์น้อยให้แม่นยำล่วงหน้าเกิน 100 ปีได้เลย การคำนวณวงโคจรในครั้งนี้สามารถขจัดความไม่แน่นอนที่เกิดจากตัวแปรย่อย ๆ หลายอย่าง เช่น แรงดึงดูดรบกวนจากวัตถุอื่น การสูญเสียมวลของดวงอาทิตย์ และจากแรงน้ำขึ้นลงของดาราจักร
อย่างไรก็ตามยังมีตัวแปรสำคัญอีกตัวหนึ่งที่ไม่สามารถคำนวณได้ นั่นคือ ปรากฏการณ์ยาร์คอฟสกี ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดความไม่สมดุลของความดันเนื่องจากการแผ่รังสีบนวัตถุที่หมุนรอบตัวเอง เมื่อดาวเคราะห์น้อยถูกแสงอาทิตย์ ซีกที่ถูกแสงอาทิตย์จะร้อนขึ้นและเกิดแรงดันเนื่องจากการแผ่รังสี ในกรณีที่ดาวเคราะห์น้อยมีการหมุนรอบตัวเอง ซีกดาวที่ถูกแสงอาทิตย์ด้านที่อยู่ใน "ช่วงบ่าย" จะร้อนกว่าและมีแรงดันมากกว่าซีกที่เป็น "ช่วงเช้า" ทำให้แรงดันไม่สมดุล ดังนั้นทิศทางการหมุนของดาวจะมีความสำคัญมากต่อการคำนวณวงโคจร ในกรณีของ 1950 DA หากหมุนรอบตัวเองในทิศทางเดียวกับโลก อัตราเสี่ยงชนก็จะยังคงอยู่ที่ 1 ต่อ 300 แต่ถ้าหมุนรอบตัวเองสวนกับการหมุนของโลกเช่นดาวศุกร์ โอกาสในการชนก็จะไม่เกิดขึ้นเลย
ข้อมูลเกี่ยวกับการหมุนรอบตัวเองของ1950 DA ในขณะนี้ทราบเพียงแค่ว่ามันหมุนรอบตัวเองครบรอบทุก 2.1 ชั่วโมง แต่ไม่ทราบว่าหมุนในทิศทางใด และมีขั้วหันไปทิศทางใด
นักดาราศาสตร์จากหอสังเกตการณ์โลเวลล์ค้นพบดาวเคราะห์น้อย
1950
จอน
อย่างไรก็ตาม
อย่างไรก็ตาม
ข้อมูลเกี่ยวกับการหมุนรอบตัวเองของ