นักดาราศาสตร์ได้พบแหล่งใหม่ในการค้นหาดาวเคราะห์ในระบบสุริยะอื่นอีกแห่งหนึ่งแล้ว นั่นคือ บริเวณสุสานของดาวฤกษ์
สไตน์ไซเกิร์ดสัน และ จอห์น เดบส์ นักดาราศาสตร์จากเพนน์ สเตต ได้กล่าวในที่ประชุมของสมาคมดาราศาสตร์อเมริกาที่วอชิงตัน ดีซี เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมาว่า ดาวแคระขาวอาจเป็นแหล่งที่เป็นต้นกำเนิดของดาวเคราะห์ดวงใหม่ ๆ ได้
เขากล่าวว่าในช่วงท้ายของวงจรชีวิตของดาวฤกษ์ก่อนที่จะกลายเป็นดาวแคระขาว มวลของดาวฤกษ์จะลดลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้วงโคจรของดาวเคราะห์บริวารขาดเสถียรภาพอย่างมาก วงโคจรจะขยายใหญ่ขึ้น เป็นวงรีมากขึ้น ความไร้ระเบียบของดาวเคราะห์นี้ทำให้บางครั้งอาจมีการชนกัน และทำให้เกิดดาวเคราะห์ดวงใหม่ขึ้นได้
การเกิดดาวเคราะห์แบบนี้ทำให้ได้ดาวเคราะห์ที่มีอุณหภูมิสูงมากดังนั้นการตรวจหาดาวเคราะห์พวกนี้จะทำได้ง่ายโดยการตรวจจับรังสีอินฟราเรด นอกจากนี้ เมื่อดาวฤกษ์ใจกลางกลายไปเป็นดาวแคระขาว ก็จะยิ่งทำให้การตรวจหาทำได้ง่ายขึ้นไปอีกเนื่องจากดาวแคระขาวมีความสว่างน้อยกว่าดาวฤกษ์มาก แสงรบกวนจึงน้อยตามไปด้วย ในขณะที่ดาวฤกษ์ปกติจะมีความสว่างมากกว่าดาวเคราะห์นับล้านหรือพันล้านเท่า แต่ดาวแคระขาวจะสว่างกว่าดาวเคราะห์เพียงไม่กี่พันเท่าเท่านั้น
แม้ว่าการแยกแยะดาวเคราะห์ออกมาเป็นดวงได้ยังคงเป็นเรื่องที่ยากแต่นักดาราศาสตร์ยังสามารถใช้วิธีทางอ้อมอื่นในการพิสูจน์ว่ามีดาวเคราะห์อยู่ในระบบสุริยะที่ใกล้ตายเหล่านั้นหรือไม่ เพราะว่าเมื่อดาวเคราะห์ขยายวงโคจรกว้างออกไปเนื่องจากการเสียมวลของดาวแม่ ดาวเคราะห์เหล่านั้นอาจฝ่าเข้าไปในเขตของดงดาวหางที่รายล้อมระบบสุริยะคล้าย ๆ กับที่ระบบสุริยะของเราที่มีดวงดาวหางออร์ตอยู่ แรงดึงดูดโน้มถ่วงของดาวเคราะห์จะกระตุ้นให้วัตถุจำนวนมากในดวงดาวหางนั้นเคลื่อนตัวและมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางระบบสุริยะ การกระหน่ำอย่างหนักหน่วงของดาวหางจะพาเอาธาตุหนักเข้ามาเจือปนบนผิวของแคระขาว และอาจก่อตัวเป็นจานฝุ่นรอบ ๆ ดาวแคระขาวอีกด้วย
แม้ทฤษฎีนี้เกิดขึ้นจากการคำนวณและการสร้างแบบจำลองแต่ก็มีข้อมูลจากการสังเกตการณ์สนับสนุนแล้ว นักดาราศาสตร์พบว่าดาวแคราะขาวบางดวงมีจานฝุ่นล้อมรอบและบางดวงก็มีปริมาณของธาตุหนักมากผิดปรกติอีกด้วย
สไตน์
เขากล่าวว่า
การเกิดดาวเคราะห์แบบนี้ทำให้ได้ดาวเคราะห์ที่มีอุณหภูมิสูงมาก
แม้ว่าการแยกแยะดาวเคราะห์ออกมาเป็นดวงได้ยังคงเป็นเรื่องที่ยาก
แม้ทฤษฎีนี้เกิดขึ้นจากการคำนวณและการสร้างแบบจำลอง