สมาคมดาราศาสตร์ไทย

เผยโฉมคลีโอพัตรา

เผยโฉมคลีโอพัตรา

1 มิ.ย. 2543
รายงานโดย: วิมุติ วสะหลาย (wimut@hotmail.com)
คณะนักดาราศาสตร์นำโดย ดร.สตีเวน ออสโทรจากเจพีแอลของนาซาได้ใช้สถานีสังเกตการณ์เอริซิโบขนาด 305 เมตรในเปอร์โตริโก ถ่ายภาพดาวเคราะห์น้อย 216 คลีโอพัตรา (216 Kleopatra) ได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งเป็นการถ่ายภาพดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยได้เป็นครั้งแรก 

คลีโอพัตรามีขนาดยาว 217 กิโลเมตร กว้างประมาณ 94 กิโลเมตร แม้จะถูกค้นพบมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2423 แต่ยังไม่เคยมีใครทราบถึงรูปร่างที่แท้จริงของมันเลย จนกระทั่งมีการสำรวจในครั้งนี้ 

การถ่ายภาพในครั้งนี้ใช้การยิงสัญญาณเรดาร์ไปที่ดาวเคราะห์น้อย และตรวจจับสัญญาณที่สะท้อนกลับมา แล้วให้กลไกการถอดรหัสอันซับซ้อนของคอมพิวเตอร์วิเคราะห์สัญญาณที่สะท้อนกลับมาและนำมาแปลงเป็นภาพของดาวเคราะห์น้อยออกมา ความสามารถอันสูงส่งของเอริซิโบในครั้งนี้เป็นผลมาจากการปรับปรุงขนานใหญ่ในทศวรรษ 1990 ซึ่งทำให้มันมีความไวสูงขึ้นมากจนสามารถถ่ายภาพวัตถุขนาดเล็กที่อยู่ไกล ๆ ได้ 

ขณะที่ถ่ายภาพนี้ คลีโอพัตราอยู่ห่างจากโลก 171 ล้านกิโลเมตร สัญญาณเรดาร์ใช้เวลาเดินทางระหว่างโลกและดาวเคราะห์น้อยไปกลับประมาณ 19 นาที 

คลีโอพัตราเป็นดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งในจำนวนหลายสิบดวงที่เชื่อว่าเป็นโลหะ จากการสะท้อนสัญญาณเรดาร์อย่างรุนแรงของคลีโอพัตราแสดงว่ามันประกอบด้วยโลหะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคาดว่าเป็นโลหะผสมนิกเกิล-เหล็ก ดาวเคราะห์น้อยประเภทนี้ครั้งหนึ่งเคยร้อนและอยู่ในสภาพหลอมเหลวมาก่อน จึงมีการจัดโครงสร้างภายในเป็นชั้น ๆ อันประกอบด้วย แกน เนื้อดาว และเปลือก เช่นเดียวกับโลก แต่ต่างกับโลกตรงที่ดาวเคราะห์น้อยพวกนี้ได้เย็นตัวลงและแข็งตลอดทั้งดวง บางครั้งดาวเคราะห์น้อยพวกนี้อาจถูกวัตถุอื่นที่มีขนาดใหญ่พุ่งชนจนทำให้ส่วนนอกแตกกระจายไปและเผยให้เห็นแกนกลางที่เป็นโลหะอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 

คลีโอพัตรานับเป็นดาวเคราะห์น้อยที่มีรูปร่างแปลกที่สุดดวงหนึ่ง มีลักษณะเป็นตุ้มเบี้ยว ๆ สองลูกและมีแกนเชื่อมติดกัน ดูคล้ายกับดัมป์เบลล์หรือกระดูกสำหรับให้สุนัขแทะ รูปร่างที่แปลกประหลาดของคลีโอพัตรานี้ นักดาราศาสตร์สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากดาวเคราะห์น้อย ดวงที่มีโครงสร้างเป็นกองหินเกาะกันอย่างหลวม ๆ อยู่แล้วมาชนกัน หรืออาจเป็นไปได้ว่าก่อนหน้านี้คลีโอพัตราเป็นวัตถุสองดวงแยกจากกันแต่โคจรรอบกัน แต่ต่อมามีวัตถุอื่นเข้ามาชนวัตถุทั้งสองและสะสมพอกพูนมวลและขนาดจนวัตถุทั้งสองดวงนั้นเชื่อมติดกัน 

"จากการสำรวจด้วยเรดาร์พบว่า ผิวของคลีโอพัตรามีลักษณะพรุนและหลวมคล้ายกับผิวของดวงจันทร์ แม้องค์ประกอบทางเคมีจะต่างกันก็ตาม" ดร. Michael Nolan จากสถานีสังเกตการณ์เอริซิโบกล่าว "เรายังไม่ทราบเลยว่าคลีโอพัตรามีโครงสร้างภายในเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ต้องเคยผ่านการถูกชนอย่างพิสดารที่สุดมาแล้วอย่างแน่นอน"

ที่มา: