เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ศูนย์ดาวเคราะห์น้อย ได้ประกาศการค้นพบดาวหางดวงใหม่ดวงหนึ่ง ชื่อว่า ซี/2017 ยู 1 แพนสตารรส์ (C/2017 U1 PANSTARRS)
ดาวหางมีแห่งกำเนิดใหญ่ๆ สองแห่ง แห่งแรกเป็นแถบรูปวงแหวนกว้างใหญ่ล้อมรอบดวงอาทิตย์อยู่ที่ระยะพ้นวงโคจรของดาวเนปจูนออกไป เรียกว่าแถบไคเปอร์ ดาวหางที่มาจากแถบนี้จะเป็นดาวหางคาบสั้น นั้นคือโคจรรอบดวงอาทิตย์รอบหนึ่งใช้เวลาต่ำกว่า 200 ปี
แหล่งกำเนิดดาวหางอีกแห่งหนึ่งคือเมฆออร์ต เป็นบริเวณทรงกลมขนาดมหึมาล้อมรอบระบบสุริยะ มีรัศมีแผ่ไปไกลถึง 2 ปีแสง ดาวหางที่มีต้นกำเนิดมาจากเมฆออร์ตเป็นดาวหางคาบยาว นั่นคือโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยคาบมากกว่า 200 ปี บางดวงอาจนานถึงหลายแสนหลายล้านปี บางดวงอาจผ่านมาครั้งเดียวไม่กลับมาอีกเลย
ทั้งแถบไคเปอร์และเมฆออร์ตต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบสุริยะดังนั้นดาวหางไม่ว่าจะมาจากแหล่งใดในสองแหล่งนี้ก็ยังคงถือว่าเป็นสมาชิกของระบบสุริยะของเรา
การสำรวจดาวหางอย่างละเอียดทำให้ทราบว่าดาวหางแต่ละดวงมีวงโคจรเป็นอย่างไร มีคาบเท่าใด ซึ่งก็จะทราบได้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากที่ใด แต่เมื่อนักดาราศาสตร์สำรวจดาวหาง ซี/2017 ยู 1 แพนสตารรส์ ที่เพิ่งพบใหม่นี้ ก็พบว่าดาวหางดวงนี้ไม่เหมือนดวงอื่น ๆ ที่เคยพบมา
ดาวหางซี/2017 ยู 1 แพนสตารรส์ มีความรีของวงโคจร 1.2 แสดงว่าเคลื่อนที่เป็นเส้นโค้งแบบไฮเพอร์โบลาที่เปิดกว้างมาก ยิ่งกว่านั้นยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกือบ 26 กิโลเมตรต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่าความเร็วหลุดพ้นของระบบสุริยะมาก นักดาราศาสตร์จึงสันนิษฐานดาวหางดวงนี้อาจมีที่มาจากนอกระบบสุริยะของเรา นั่นคือมาจากระบบสุริยะอื่น หรือจะเรียกดาวหางต่างด้าวก็ว่าได้
ต่อมาสหพันธ์ดาราศาสตร์สากลได้เปลี่ยนชื่อวัตถุนี้เป็น เอ/2017 ยู 1 (A/2017 U1) เนื่องจากการสำรวจเพิ่มเติมไม่พบว่าแสดงสมบัติของดาวหางแต่อย่างใด คาดว่าอาจเป็นวัตถุคล้ายดาวเคราะห์น้อยมากกว่า อย่างไรก็ตาม ความที่เป็นวัตถุจากต่างถิ่น ก็มิได้ทำให้ความน่าสนใจของวัตถุดวงนี้ลดลงไปแต่อย่างใด
โทนีดันน์ ได้สร้างแบบจำลองเพื่อสืบสาวต้นกำเนิดของวัตถุดวงนี้ พบว่าอาจมาจากทิศทางของกลุ่มดาวพิณ
เอ/2017ยู 1 มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 400 เมตร ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2560 ขณะที่พบอยู่ห่างจากโลก 30 ล้านกิโลเมตร และเข้าใกล้โลกที่สุดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมโดยอยู่ห่างจากโลก 60 เท่าของระยะโลก-ดวงจันทร์ ขณะนี้ได้ผ่านจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดไปแล้วและกำลังถอยห่างออกไปด้วยความเร็ว 44 กิโลเมตรต่อวินาที โดยมุ่งหน้าไปยังกลุ่มดาวม้าบิน และจะหลุดออกจากระบบสุริยะในที่สุดโดยไม่วกกลับมาอีก
จนถึงขณะนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าวัตถุดวงนี้มาจากระบบสุริยะอื่นจริงหรือไม่แต่ก็เรียกได้ว่ามีความเป็นไปได้อย่างมาก ซึ่งถ้าใช่จริง นี่ก็จะเป็น "วัตถุพลัดถิ่น" ดวงแรกที่ถูกค้นพบ นักดาราศาสตร์ยังคงจับตามองเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป
ดาวหางมีแห่งกำเนิดใหญ่
แหล่งกำเนิดดาวหางอีกแห่งหนึ่งคือ
ทั้งแถบไคเปอร์และเมฆออร์ตต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบสุริยะ
การสำรวจดาวหางอย่างละเอียด
ดาวหาง
ต่อมา
โทนี
เอ/2017
จนถึงขณะนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าวัตถุดวงนี้มาจากระบบสุริยะอื่นจริงหรือไม่