เพียงไม่ถึงเดือนหลังจากที่ดาวเทียมไวส์ (WISE--Wide-field Infrared Survey Explorer) ของนาซาขึ้นสู่อวกาศ ก็ประเดิมพบดาวเคราะห์น้อยมืดดวงแรกได้แล้ว
ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มีชื่อว่า2010 เอบี 78 (2010 AB78) ค้นพบเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2553
ดาวเทียมไวส์โคจรรอบโลกด้วยคาบรอบละหนึ่งวันครึ่งขณะที่โคจรจะกวาดสายตาไปทั่วท้องฟ้าเพื่อค้นหาดาวเคราะห์น้อยโดยการค้นหาวัตถุที่เปลี่ยนตำแหน่งไปเมื่อเทียบกับดาวฤกษ์พื้นหลัง ไวส์ได้สำรวจดาวเคราะห์น้อย 2010 เอบี 78 หลายครั้งก่อนที่มันจะหลุดพ้นสายตาไป หลังจากนั้นนักวิทยาศาสตร์ภาคพื้นดินก็สำรวจต่อด้วยกล้อง 2.2 เมตรของมหาวิทยาลัยฮาวายที่อยู่บนยอดเขามานาเคอาเพื่อยืนยันการค้นพบ
ดาวเคราะห์น้อย2010 เอบี 78 มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ห่างจากโลก 158 ล้านกิโลเมตร มีขนาดประมาณ 1 กิโลเมตร โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรีและทำมุมกับระนาบของระบบสุริยะ มีจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดใกล้เคียงกับโลก แต่เนื่องจากวงโคจรไม่ได้อยู่ในระนาบเดียวกับโลก จึงไม่มีโอกาสจะเข้าใกล้โลกอย่างน้อยก็ในช่วงหลายร้อยปีต่อจากนี้ ดังนั้นดาวเคราะห์น้อยดวงนี้จึงไม่ใช่วัตถุอันตรายที่จะมาชนโลกแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามนักดาราศาสตร์ก็ยังต้องติดตามดูอยู่เสมอ
ไวส์จะตรวจหาดาวเคราะห์น้อยและดาวหางดวงอื่นต่อไปข้อมูลจากไวส์ถูกส่งตรงลงมายังสำนักงานศูนย์ดาวเคราะห์น้อยในเคมบริดจ์ แมสซาจูเซตต์ เพื่อเปรียบเทียบกับบัญชีของวัตถุในระบบสุริยะที่รู้จักอยู่แล้ว และชุมชนนักดาราศาสตร์ทั้งมืออาชีพและสมัครเล่นก็จะเข้ามาช่วยติดตามสำรวจ เพื่อให้ได้วงโคจรที่แน่นอนของวัตถุดวงใหม่
ไวส์มีเป้าหมายว่าจะค้นหาดาวเคราะห์น้อยที่ไม่เคยค้นพบมาก่อนได้ถึง100,000 ดวงที่อยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยหลัก ซึ่งโคจรอยู่ระหว่างวงโคจรของดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี และวัตถุใกล้โลกดวงใหม่ ๆ อีกหลายร้อยดวง
วัตถุใกล้โลก(NEO--Near-Earth objects) เป็นดาวเคราะห์น้อยหรือดาวหางที่มีวงโคจรผ่านใกล้วงโคจรของโลก หรืออาจมีโอกาสถึงขั้นชนโลก วัตถุดังกล่าวอาจส่งผลร้ายแรงต่อพื้นโลก เชื่อกันว่าเมื่อ 65 ล้านปีก่อนมีวัตถุขนาด 10 กิโลเมตรพุ่งชนโลก เป็นเหตุให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์
ด้วยการสำรวจท้องฟ้าในย่านรังสีอินฟราเรดแทนที่จะเป็นแสงที่ตามองเห็นไวส์จึงมีความสามารถในการมองเห็นวัตถุที่มืดมาก ๆ ได้ ภารกิจของไวส์จึงมีประโยชน์อย่างมากในการประเมินหาขนาดของดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง เนื่องจากความสว่างของดาวเคราะห์น้อยที่วัดได้จากภาพถ่ายแสงขาวใช้ประเมินขนาดได้ไม่แม่นยำ คลาดเคลื่อนได้มาก เช่นวัตถุขาวซีดขนาดเล็กก็อาจดูสว่างได้เท่ากับวัตถุดวงใหญ่ที่สีคล้ำ แต่ในย่านรังสีอินฟราเรด วัตถุดวงใหญ่จะแผ่รังสีความร้อนหรือรังสีอินฟราเรดมากกว่าเสมอ ซึ่งสื่อความหมายของขนาดได้แม่นยำกว่า ข้อมูลด้านขนาดของดาวเคราะห์น้อยยังช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ประเมินความถี่ของเหตุการณ์วัตถุชนโลกระดับมหาวินาศได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นอีกด้วย
ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มีชื่อว่า
ดาวเทียมไวส์โคจรรอบโลกด้วยคาบรอบละหนึ่งวันครึ่ง
ดาวเคราะห์น้อย
ไวส์จะตรวจหาดาวเคราะห์น้อยและดาวหางดวงอื่นต่อไป
ไวส์มีเป้าหมายว่าจะค้นหาดาวเคราะห์น้อยที่ไม่เคยค้นพบมาก่อนได้ถึง
วัตถุใกล้โลก
ด้วยการสำรวจท้องฟ้าในย่านรังสีอินฟราเรดแทนที่จะเป็นแสงที่ตามองเห็น