โดยปกติแล้ว วัตถุในอวกาศที่มาจากสสารก้อนเดียวกัน อยู่ใกล้เคียงกัน มีขนาดไล่เลี่ยกัน ก็น่าจะมีลักษณะโดยทั่วไปคล้ายกัน
เช่นดวงจันทร์แกนีมีดและดวงจันทร์คัลลิสโตของดาวพฤหัสบดีที่มีขนาดไล่เลี่ยกัน องค์ประกอบก็คล้ายกัน แต่ข้อมูลการสำรวจจากยานกาลิเลโอและยานวอยเอเจอร์แสดงว่า ดวงจันทร์ทั้งสองดวงนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งที่ระดับพื้นผิวและลึกลงไปใต้ดิน เรื่องนี้ได้กวนใจนักดาราศาสตร์มาตั้งแต่ยานสองลำนั้นได้ไปสำรวจระยะใกล้เมื่อกว่า 30 ปีมาแล้ว
เอมีซี. บารร์ และรอบิน เอ็ม. แคนอัป จากคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ของสถาบันวิจัยเซาท์เวสต์ (SwRI Planetary Science Directorate) ได้สร้างแบบจำลองของการหลอมละลายจากการพุ่งชนของดาวหางและการกำเนิดของแกนหิน เพื่อแสดงว่าเส้นทางวิวัฒนาการของแกนีมีดกับคัลลิสโตเริ่มแยกออกจากกันเมื่อ 3.8 พันล้านปีก่อน หรืออยู่ในช่วงที่เรียกว่า ยุคชนกระหน่ำครั้งหลัง ซึ่งเป็นยุคที่เกิดการพุ่งชนดวงจันทร์จนเป็นเหตุให้ดวงจันทร์มีหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก
"การพุ่งชนในยุคนี้ทำให้แกนีมีดหลอมละลายไปทั่วทั้งดวงและความร้อนก็ไม่อาจคายออกไปได้ง่ายนัก" บารร์ กล่าว "หินบนแกนีมีดทั้งหมดจมลงไปสู่แกนกลาง เหมือนกับช็อกโกแลตชิปจมลงสู่ก้นถังไอศกรีมที่ละลายแล้ว ส่วนคัลลิสโตถูกชนน้อยกว่าและถูกชนด้วยความเร็วสัมพัทธ์ต่ำกว่า จึงไม่ได้รับผลรุนแรงถึงขั้นหลอมละลายทั้งดวงแบบแกนีมีด"
การวิจัยครั้งนี้นอกจากจะช่วยอธิบายสาเหตุของความแตกต่างอย่างสุดขั้วระหว่างแกนีมีดกับคัลลิสโตแล้วยังเชื่อมโยงวิวัฒนาการของดวงจันทร์ดาวพฤหัสบดีเข้ากับการย้ายวงโคจรของดาวเคราะห์นอก และประวัติศาสตร์ของดวงจันทร์ของเราเองด้วย
เช่นดวงจันทร์แกนีมีดและดวงจันทร์คัลลิสโตของดาวพฤหัสบดี
เอมี
"การพุ่งชนในยุคนี้ทำให้แกนีมีดหลอมละลายไปทั่วทั้งดวง
การวิจัยครั้งนี้นอกจากจะช่วยอธิบายสาเหตุของความแตกต่างอย่างสุดขั้วระหว่างแกนีมีดกับคัลลิสโตแล้ว