นักดาราศาสตร์สองคณะ ค้นพบสิ่งที่อาจเป็นดาราจักรแคระมากถึง 9 ดาราจักรอยู่ข้างดาราจักรทางช้างเผือกของเรา
คีทเบคโทล จากมหาวิทยาลัยชิคาโก หัวหน้าคณะสำรวจพลังงานมืด หรือ ดีอีเอส (DES--Dark Energy Survey) ซึ่งเป็นการสำรวจท้องฟ้าในย่านแสงขาวและอินฟราเรดใกล้โดยใช้กล้องวิกตอร์เอเมบลังโกขนาด 4 เมตรของหอดูดาวเซร์โรโตโลโลอินเตอร์อเมริกันในชิลี ได้พบวัตถุที่เป็นกลุ่มของดาวฤกษ์จำนวน 8 กระจุกอยู่นอกเขตของดาราจักรทางช้างเผือกออกไป
ในเวลาใกล้เคียงกันนักดาราศาสตร์อีกคณะหนึ่ง นำโดย เซอร์เกย์ โคโปซอฟ จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในสหราชอาณาจักร ก็ค้นพบกระจุกของดาวทั้ง 8 นี้เหมือนกัน นอกจากนี้ยังพบมากกว่านี้อีกหนึ่งกระจุก
วัตถุต้องสงสัยทั้ง9 แห่งนี้ ยังไม่มีการยืนยันประเภทแน่ชัดว่าเป็นชนิดใด จำเป็นต้องมีการสำรวจเพิ่มเติมไปอีกระยะหนึ่งเพื่อยืนยันว่าเป็นดาราจักรแคระจริงหรือไม่ บางทีอาจเป็นเพียงกระจุกดาวทรงกลมก็ได้
กระจุกของดาวทั้งหมดที่พบนี้มีขนาดตั้งแต่ 120 - 1,300 ปีแสง กระจุกที่ใกล้ที่สุดมีชื่อว่า ตาข่าย 2 (Reticulum 2) อยู่ห่างออกไป 100,000 ปีแสง เป็นกระจุกที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าจะเป็นดาราจักรแคระ เนื่องจากมีรูปร่างเป็นทรงรี จึงไม่น่าจะเป็นกระจุกดาวทรงกลม แม้จะมีขนาดเล็กเพียง 200 ปีแสงก็ตาม กระจุกที่มีความน่าจะเป็นรองลงมา คือ แม่น้ำ 2 (Eridanus 2) กระจุกนี้ก็มีลักษณะยืดยาวเหมือนกัน อยู่ห่างออกไป 1.2 ล้านปีแสง
อเล็กซ์ดลิกา-วากเนอร์ จากห้องทดลองเครื่องเร่งอนุภาคแห่งชาติเฟอร์มี หนึ่งในคณะของเบคโทลอธิบายว่า "วิธีเดียวที่จะแยกแยะว่าวัตถุที่พบนี้จะเป็นดาราจักรแคระหรือกระจุกดาวทรงกลมก็คือ การวัดมวล หากเป็นดาราจักรแคระ มวลเกือบทั้งหมดของทั้งระบบจะไม่ใช่มวลของดาวฤกษ์ แต่เป็นมวลของวัตถุมืดที่ห้อมล้อมดาวทั้งหมดอยู่"
ดลิกา-วากเนอร์อธิบายต่อว่า"วิธีที่ดีที่สุดในการหามวลก็คือ การวัดสเปกตรัมและความเร็วสัมพัทธ์ในการเคลื่อนที่ระหว่างกันของดาวแต่ละดวง แต่ในทางปฎิบัติทำได้ยากเนื่องจากกระจุกของดาวที่พบนี้มีแสงริบหรี่มาก จำเป็นต้องใช้กล้องขนาดใหญ่มากจึงจะวัดค่าได้ตามต้องการ"
การวัดสเปกตรัมของดาวยังช่วยให้ทราบความเร็วสัมพัทธ์รวมของดาวทั้งกระจุกเทียบกับทางช้างเผือกซึ่งจะช่วยบอกได้ว่าดาวกระจุกนี้เป็นบริวารของดาราจักรทางช้างเผือกหรือไม่
ดาราจักรแคระเป็นเป้าหมายที่ดีในการศึกษาอนุภาคชนิดหนึ่งคือวิมป์ (WIMP) ซึ่งเป็นอนุภาคที่นักดาราศาสตร์คาดว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุมืด เมื่ออนุภาควิมป์สองอนุภาคชนกัน จะเกิดอนุภาคชนิดใหม่ขึ้นมาที่ตรวจจับได้ง่ายกว่าและแผ่รังสีแกมมาออกมา
ดาราจักรแคระเป็นสถานที่ถือว่าสงบเงียบมีอันตรกิริยาน้อย มีแหล่งกำเนิดรังสีต่าง ๆ อย่างพัลซาร์หรือหลุมดำอยู่น้อย และยังมีสัดส่วนของสสารมืดต่อสสารธรรมดาในดาวและแก๊สอยู่สูงด้วย ด้วยเหตุนี้ดาราจักรแคระจึงเป็นเป้าหมายที่นักดาราศาสตร์โดยเฉพาะนักเอกภพวิทยาให้ความสนใจเป็นพิเศษ
คีท
ในเวลาใกล้เคียงกัน
วัตถุต้องสงสัยทั้ง
กระจุกของดาวทั้งหมดที่พบนี้
อเล็กซ์
ดลิกา-วากเนอร์อธิบายต่อว่า
การวัดสเปกตรัมของดาวยังช่วยให้ทราบความเร็วสัมพัทธ์รวมของดาวทั้งกระจุกเทียบกับทางช้างเผือก
ดาราจักรแคระเป็นเป้าหมายที่ดีในการศึกษาอนุภาคชนิดหนึ่งคือ
ดาราจักรแคระเป็นสถานที่ถือว่าสงบเงียบ