เป็นเวลานานมาแล้วที่มนุษย์มีความเชื่อว่าการเรียงตัวของสิ่งต่าง ๆ บนท้องฟ้า มีความสัมพันธ์กับการเกิดภัยพิบัติบนโลก
หนึ่งในความสัมพันธ์นั้นคือดิถีของดวงจันทร์ (การเกิดข้างขึ้น ข้างแรม จันทร์ดับ จันทร์เพ็ญ) กับการเกิดแผ่นดินไหว โดยเชื่อว่าช่วงวันที่ใกล้จันทร์เพ็ญหรือจันทร์ดับ มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวมากกว่าช่วงอื่น
ทฤษฎีว่าจันทร์เพ็ญหรือจันทร์ดับกระตุ้นการเกิดแผ่นดินไหวมีเหตุผลที่ฟังดูเข้าทีเพราะสองช่วงเวลาดังกล่าว โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ เรียงอยู่ในแนวเดียวกัน ช่วงเวลาที่วัตถุทั้งสามเรียงในแนวเดียวกันเป็นช่วงที่แรงน้ำขึ้นลงกระทำต่อโลกมากกว่าช่วงอื่น ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวได้
แต่นักดาราศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่เชื่อเช่นนั้นเพราะแรงที่ดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์กระทำต่อโลกในช่วงเวลาดังกล่าวแทบไม่ต่างจากช่วงเวลาอื่น หากดิถีของดวงจันทร์จะมีผลต่อแผ่นดินไหวจริง ก็ควรมีหลักฐานเชิงสถิติสนับสนุนด้วย
แล้วใครว่าไม่มีเล่า? ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา มีงานวิจัยจำนวนหนึ่งที่บ่งชี้ว่าการเกิดแผ่นดินไหวมีความสัมพันธ์กับดิถีของดวงจันทร์ และยังมีความสัมพันธ์กับช่วงเวลาของปีด้วย
เช่นในปี2546 เคยมีการศึกษาแผ่นดินไหวในไต้หวัน ก็พบความสัมพันธ์ระหว่างดิถีดวงจันทร์กับแผ่นดินไหวระดับเบา งานวิจัยหนึ่งในปี 2527 ก็พบว่าแผ่นดินไหวที่เกิดจากรอยเลื่อนซานแอนเดรียสในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และล่าสุดเมื่อสองปีก่อน ก็มีงานวิจัยสองฉบับที่สรุปว่าแผ่นดินไหวรุนแรงมักเกิดขึ้นช่วงใกล้จันทร์เพ็ญหรือจันทร์ดับ
หรือว่านักดาราศาสตร์คิดผิด?
ล่าสุดซูซาน ฮัฟ จากกรมสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกาหรือยูเอสจีเอสได้ศึกษาความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ทั้งสอง โดยขยายเวลาที่ใช้ในการศึกษาย้อนหลังไปไกลถึง ค.ศ. 1600 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งในช่วงระยะเวลาดังกล่าวมีแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงตั้งแต่ระดับ 8 ขึ้นไปถึง 204 ครั้ง แล้วเทียบวันที่เกิดเข้ากับดิถีของดวงจันทร์ในขณะนั้น รวมถึงวันในรอบปีด้วย เพื่อดูว่ามีการความสัมพันธ์อย่างไร
ผลออกมาคือวันที่เกิดแผ่นดินไหวเหล่านั้นกระจายโดยไม่มีการเกาะกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ หรือสรุปง่าย ๆ ก็คือ ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ ระหว่างดิถีของดวงจันทร์หรือช่วงเวลาในรอบปีกับการเกิดแผ่นดินไหว
ยิ่งกว่านั้นวันดิถีของดวงจันทร์ที่มีการเกิดแผ่นดินไหวมากที่สุดเกิดขึ้น 7 วันหลังจันทร์ดับ (ประมาณขึ้น 7 ค่ำ) ซึ่งเป็นช่วงที่โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ ไม่ได้เรียงในแนวเดียวกัน
"แรงน้ำขึ้นลงจากการเรียงตัวของดาวอาจมีส่วนเสริมในกระบวนการเกิดแผ่นดินไหวจริงแต่ก็น้อยมาก น้อยเกินกว่าจะเอามาใช้ในการพยากรณ์" ฮัฟอธิบาย "ดังนั้นการที่แผ่นดินไหวในอดีตบางครั้งเกิดขึ้นตรงกับช่วงจันทร์เพ็ญหรือจันทร์ดับ ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรมากไปกว่าความบังเอิญ"
"ความเชื่อเดิมที่ฝังลึกในหัวของผู้คนคงไม่อาจลบเลือนไปได้ง่ายๆ ดังนั้นคงไม่แปลกที่ในอนาคต หากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเกิดขึ้นในช่วงจันทร์เพ็ญขึ้นมาอีก ก็คงมีคนออกมาพูดอีก ว่านี่ไง นี่ไง บอกแล้วว่าเกี่ยวกัน" ฮัฟกล่าวทิ้งท้าย
หนึ่งในความสัมพันธ์นั้นคือ
ทฤษฎีว่าจันทร์เพ็ญหรือจันทร์ดับกระตุ้นการเกิดแผ่นดินไหวมีเหตุผลที่ฟังดูเข้าที
แต่นักดาราศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่เชื่อเช่นนั้น
แล้วใครว่าไม่มีเล่า?
เช่นในปี
หรือว่านักดาราศาสตร์คิดผิด?
ล่าสุด
ผลออกมาคือ
ยิ่งกว่านั้น
"แรงน้ำขึ้นลงจากการเรียงตัวของดาวอาจมีส่วนเสริมในกระบวนการเกิดแผ่นดินไหวจริง
"ความเชื่อเดิมที่ฝังลึกในหัวของผู้คนคงไม่อาจลบเลือนไปได้ง่าย