ยานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์ได้คืนสู่สภาวะปกติอีกครั้งเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2540 ที่ผ่านมา หลังจากที่เกิดเหตุผิดพลาดกับเส้นทางโคจรรอบดาวอังคารเมื่อต้นเดือนตุลาคม
เมื่อวันที่6 ตุลาคม ในขณะที่ยานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์ได้โคจรเฉียดเข้าไปในชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร เพื่ออาศัยแรงเสียดทานของบรรยากาศช่วยปรับวงโคจรของยาน ให้เข้าที่ก่อนที่จะเริ่มทำการสำรวจพื้นผิวดาวอังคารอย่างจริงจังในต้นปีหน้า ทิศทางการโคจรของยานได้เปลี่ยนไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ยานเฉียดใกล้ผิวดาวอังคารที่ระดับต่ำกว่าระดับที่กำหนดเอาไว้ถึงสองเท่า ทำให้วงโคจรของยานเบี่ยงเบนไปจากที่กำหนดเอาไว้ แต่ทาง JPL ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมจากพื้นโลก ก็สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้โดยในการเข้าเฉียดบรรยากาศดาวอังคารครั้งถัดไป จะต้องเข้าเฉียดห่างจากผิวดาวมากคราวก่อน ซึ่งส่งผลให้ระยะเวลาที่ต้องใช้ในการปรับวงโคจรเลื่อนออกไปอีกถึง 1 ปีโลก หรือครึ่งปีดาวอังคาร
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับวงโคจรของยานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์ในครั้งนี้อาจเกี่ยวเนื่องกับปัญหาของแผงสุริยะของยาน ซึ่งเกิดปัญหาตั้งแต่หลังจากที่ยานขึ้นจากพื้นโลกได้ไม่นาน แผงสุริยะนี้ได้กางออกเลยจากตำแหน่งที่ตั้งเอาไว้ถึง 20 องศา แม้จะไม่มีผลต่อระบบผลิตกระแสไฟฟ้า แต่แผงนี้ก็มีการสั่นไหวในช่วงที่ยานเฉียดเข้าไปในชั้นบรรยากาศดาวอังคาร
การที่ระยะเวลาการทำงานของยานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์เลื่อนออกไปนี้หมายความว่า แทนที่ยานจะได้สำรวจดาวอังคารในช่วงที่เป็นฤดูร้อนของซีกใต้ตามที่นักดาราศาสตร์ต้องการ กลับกลายเป็นฤดูร้อนของซีกเหนือของดาวอังคารแทน และระยะเวลาของโครงการที่ยาวนานขึ้นทำให้ต้องใช้งบที่มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ช่วงเวลาสำรวจก็จะไปซ้อนทับกับโครงการสำรวจดาวอังคารอีกสองโครงการคือ มาร์สเซอร์เวเยอร์ 98 ของนาซา และยาน พลาเนตบี ของญี่ปุ่นที่จะตามขึ้นไปสำรวจดาวอังคารในปีหน้า
เมื่อวันที่
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับวงโคจรของยานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์ในครั้งนี้
การที่ระยะเวลาการทำงานของยานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์เลื่อนออกไปนี้