เมื่อต้นปี 2543 ที่ผ่านมา นักดาราศาสตร์ได้พบแสงวาบรังสีแกมมาดวงใหม่ดวงหนึ่ง เป็นแสงวาบรังสีแกมมาที่อยู่ไกลที่สุดเท่าที่เคยพบมา เพราะอยู่ไกลถึง 11,000 ล้านปีแสง การค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นโดยเครือข่ายอินเตอร์พลาเนตารี ซึ่งเป็นเครือข่ายการสำรวจอวกาศของยานอวกาศ 3 ลำ ประกอบด้วยยูลิสซีส เนียร์ และ วินด์เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2543
แสงวาบรังสีแกมมานี้มีชื่อว่าGRB 000131 ในตอนแรก มันดูไม่มีอะไรแปลกประหลาดไปกว่าแสงวาบรังสีแกมมาทั่ว ๆไป ซึ่งพบได้บ่อยถึงสัปดาห์ละครั้งโดยเฉลี่ย แต่ความไม่ปรกติของแสงวาบดวงนี้ ถูกพบในวันรุ่งขึ้น เมื่อนักดาราศาสตร์จากยุโรปได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ของอีเอสโอในชิลี สำรวจแสงขาวที่สว่างติดตามรังสีแกมมามา หรือที่เรียกว่าแสงเรืองค้าง (afterglow) แสงเรืองค้างที่พบในครั้งนี้ มีสีแดงมากกว่าแสงเรืองค้างในแสงวาบรังสีแกมมาอื่นๆ ที่เคยสำรวจมา แสดงว่าแสงขาวของมัน ถูกเลื่อนไปในทางสีแดงมาก ซึ่งหมายความว่าแหล่งกำเนิดแสงนี้ อยู่ห่างออกไปไกลมาก
จากการสำรวจสเปกตรัมโดยกล้องวีแอลทีที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 8 เมตร พบว่าส่วนในสเปกตรัมที่เรียกว่า Lyman-alpha forest ของ GRB 000131 ซึ่งเกิดจากการดูดกลืนรังสีอัลตราไวโอเลตของไฮโดรเจน เลื่อนมาอยู่ในย่านแสงขาวแทนที่จะอยู่ในย่านรังสีอัลตราไวโอเลต แสดงว่า GRB 000131 มีค่าการเลื่อนไปทางแดงสูงมาก ซึ่งจากการสำรวจพบว่าสูงถึง 4.5
จากค่าการเลื่อนไปทางแดงนี้บอกระยะทางของมันได้ว่ามันอยู่ห่างออกไป11,000 ล้านปีแสง ทำให้ GRB 000131 เป็นแสงวาบรังสีแกมมาที่อยู่ห่างจากโลกมากที่สุดเท่าที่เคยพบมา ระยะที่ห่างที่มากนี้แสดงถึงความเก่าแก่ของมันด้วย มันอาจจะเกิดขึ้นในขณะที่เอกภพมีอายุเพียง 2 พันล้านปี ดังนั้นการศึกษาแสงวาบรังสีแกมมาที่อยู่ไกลโพ้นอย่างนี้จึงเป็นการศึกษาเอกภพในยุคเริ่มต้นทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตามการค้นพบครั้งนี้ก็ยังไม่ได้ช่วยนักดาราศาสตร์ในการค้นหาคำตอบของสุดยอดปัญหาปริศนาที่ว่า แสงวาบรังสีแกมมาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
แสงวาบรังสีแกมมานี้มีชื่อว่า
จากการสำรวจสเปกตรัมโดยกล้องวีแอลที
จากค่าการเลื่อนไปทางแดงนี้บอกระยะทางของมันได้ว่ามันอยู่ห่างออกไป
อย่างไรก็ตาม