ดาราศาสตร์สัญจร ครั้งต่อไป

2-4 ธันวาคม 2548
 
ณ อุทยานแห่งชาติภูเรือ
 

 
“ธรรมชาติ” เราเชื่อว่าสิ่งสิ่งนี้จะช่วยเยียวยาความเหน็ดเหนื่อยในชีวิตได้ และในฤดูหนาวเช่นนี้ หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาตลอดทั้งปีแล้ว เชื่อว่าตอนนี้หลายท่านกำลังเตรียมวางแผนการท่องเที่ยวอยู่ หลายต่อหลายท่านคงกำลังนึกถึงภาพของป่าไม้เขียวขจี อากาศหนาว และที่สูง แน่นอนที่สุด คงไม่มีสถานที่ใดเหมาะสมไปกว่าบรรดาภูต่างๆ ที่อยู่มากมายในประเทศเราไปได้
 
“ภูเรือ” หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของ จ.เลย ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกลจากเมืองหลวง ทำให้หลายคนยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว การเดินทางไปภูเรือนั้น หากเริ่มจากตัวจังหวัดเลย ใช้เส้นทางสายเลย-ด่านซ้าย ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ก็มาถึงอำเภอภูเรือ ซึ่งที่ตัวอำเภอนี้เองจะมองเห็นรูปพรรณสัณฐานของภูเรือว่าเป็นรูปเรือสำเภาคว่ำ ภูเรือมีความสูง 1,365 เมตรจากระดับน้ำทะเล (สูงกว่าภูกระดึง) แต่การขึ้นยอดภูเรือง่ายกว่าหลายเท่านัก หากมีรถขับเคลื่อนกำลังดีๆ ก็สามารถขับขึ้นไปบนยอดเขาได้เลย สำหรับผู้ที่ชอบเดินป่าอยู่แล้ว ก็สามารถใช้เส้นทางเดิน ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตรโดยจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
 
ในอุทยานแห่งชาติภูเรือมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เยี่ยมชมอยู่หลายจุด แต่มีอยู่สถานที่หนึ่งเมื่อทุกคนเดินทางถึงต้องมีสักครั้งที่ต้องไปเยือน นั่นคือบริเวณยอดภู นักท่องเที่ยวโดยส่วนมากยังนิยมเดินเท้าขึ้นยอดภู เนื่องจากการเดินขึ้นสามารถเข้าถึงธรรมชาติได้ดีกว่า เพราะจะได้เห็นป่าเกือบทุกสภาพตลอดระยะเวลาการเดินทางยิ่งเดินกับคนรู้ใจคงไม่ต้องบอกว่าน่าเดินแค่ไหน ตลอดสองข้างทางของภูเรือเต็มไปด้วยป่าเขียวขจี เราจะเดินผ่านป่าหลายต่อหลายชนิด สำหรับนักถ่ายภาพทั้งหลาย ฟิล์มม้วนเดียวหรือการ์ดแค่ 256 MB. อาจเก็บภาพได้ไม่จุใจท่าน ขอแนะนำให้นำไปเยอะๆ เลย ไม่เช่นนั้นอาจต้องเดินลงมาซื้อฟิล์มม้วนใหม่ก็เป็นได้ เมื่อเดินขึ้นภูมาได้ครึ่งทาง ก็จะถึงจุดพักหรือด่าน 2 บริเวณนี้นี่เองที่หลายต่อหลายคนอดใจเก็บภาพอันสวยงามของธรรมชาติบริเวณนี้ไม่ได้ นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยปักหลักกางเต็นท์กันที่บริเวณนี้เนื่องจากบริเวณนี้ก็เป็นที่ยอดภู ถึงแม้จะยังไม่ใช่จุดที่สูงที่สุด บริเวณที่ควรเก็บภาพอีกที่หนึ่งคือบริเวณที่กรมป่าไม้ ใช้ถ่ายภาพเพื่อตีพิมพ์ลงใน Passport ต้องจัดมุมกล้องกันพอสมควรกว่าจะได้ภาพ เมื่อชื่นชมกับธรรมชาติบริเวณนี้กันจนหายเหนื่อยแล้ว ก็เหลือระยะทางอีกครึ่งเดียวเท่านั้น เราก็จะเป็นผู้พิชิตยอดภู ป่าในช่วงนี้จะมีหญ้าค่อนข้างเยอะพอควร บางทีอาจท่วมหัวก็มี ได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง เดินไปคุยไป เดินดูสีเขียวของธรรมชาติ อ้าว มาถึงแล้วหรือนี่ ยอดภูเรือ หากท่านเริ่มเดินจากตีนภูในตอนบ่าย ก็จะมาถึงบริเวณยอดภูในตอนเย็นพอดี กว่าเที่ยวชมบริเวณยอดภูก็เป็นเวลาที่จะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่ยอดภูพอดี หลังจากที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว สิ่งๆ หนึ่งที่จะมาแทนที่คือ ดวงดาว และแน่นอนที่สุด หากท่านได้มีโอกาสอยู่บนยอดภูในเวลากลางคืน ท่านจะได้เห็นสิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์ความงดงามบนท้องฟ้าให้เราได้ชม และสิ่งๆ นั้นคือ “ทะเลดาว”
 
“ทะเลดาว” หลายคนคงเคยได้ยินคำคำนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่เคยได้ไปสัมผัสกับสิ่งนี้ เชื่อว่าผู้ที่ได้เคยไปสัมผัสกับ “ทะเลดาว” คงรู้สึกประทับใจและหลงใหลไปกับมัน ดาวนับพันนับหมื่นแข่งกันทอแสงสวยงามท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิด จนทุกคนที่ได้ไปสัมผัสต่างกล่าวขนานนามให้กับสิ่งสิ่งนี้ว่าทะเลดาว ผู้ที่เคยได้สัมผัสกับทะเลดาวคงได้เคยสัมผัสเพียงแค่ตาเปล่าเท่านั้น คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยได้สัมผัสกับความงดงามอันลึกลับของดวงดาวต่างๆ หากท่านได้มีโอกาสส่องกล้องโทรทรรศน์ไปยังดวงดาวต่างๆ ท่านจะได้เห็นสิ่งที่ทำให้ท่านได้ประหลาดใจเช่น หลุมบนดวงจันทร์ , ดาวบริวารของดาวพฤหัสบดี , วงแหวนดาวเสาร์ , กาแลกซี , กระจุกดาว สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่จะต้องใช้กล้องโทรทรรศน์ในการช่วยดู หลายต่อหลายคนต้องอดตาหลับขับตานอนเพราะอยากชื่นชมความสวยงามแห่งฟากฟ้านี้
 
หากท่านมีโอกาสลองไปดูทะเลดาวที่ภูเรือสักครั้งในชีวิต อาจทำให้ความเหน็ดเหนื่อยที่มีในชีวิตหายไปก็เป็นได้ เพียงเท่านี้ วันหยุดธรรมดาของคุณก็จะเป็นวันหยุดที่สุดพิเศษและเต็มไปด้วยความเบิกบาน
 
ใครที่ยังคิดไม่ออกว่าหนาวนี้จะไปดูทะเลดาวที่ไหน ลองไปเยี่ยมชมทะเลดาวกับกิจกรรมดาราศาสตร์สัญจร ณ อุทยานแห่งชาติภูเรือ จ.เลย ในวันที่ 2-4 ธันวาคม 2548
 
*** สิทธิพิเศษที่สมาคมดาราศาสตร์ไทย ตั้งใจจะมอบให้ท่าน คือท่านจะได้ไปเยี่ยมชมทะเลดาว ณ ยอดภูเรือตั้งแต่ตอนพระอาทิตย์ตกดิน จนกระทั่งเที่ยงคืน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว นักท่องเที่ยวทั่วไปจะอยู่ถึงยอดภูได้ถึงประมาณ 18.00 น. แต่ทางอุทยานภูเรือ อนุญาตให้เราได้ทำกิจกรรมดูดาวที่ยอดภูจนกระทั่งเที่ยงคืน ลองคิดดูสิครับ ว่าน่าไปสัมผัสแค่ไหน ***
 
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติภูเรือ http://www.tourthai.com/ , กรมอุทยานแห่งชาติฯ
 
 กำหนดการเดินทาง
 
วันแรกของการเดินทาง ( วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2548)
20.00 น ลงทะเบียนและรับเอกสารพร้อมของที่ระลึก ณ ที่ทำการสมาคมดาราศาสตร์ไทย
21.30 น. ออกเดินทางจากสมาคมฯ มุ่งสู่จังหวัดเลยด้วยรถบัสโดยสาร VIP ชั้น 1
23.00 น บริการข้าวต้มรอบดึกที่ร้านข้าวต้มในตัวเมืองจังหวัดสระบุรีเพื่อเติมพลังมุ่งสู่ภูเรือ และเข้าสู่นิทราบนรถโดยสาร VIP
   
วันที่สองของการเดินทาง ( วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2548)
06.00 น. ถึงอุทยานแห่งชาติภูเรือ รับลมหนาวพร้อมสัมผัสกลิ่นอายธรรมชาติยามเช้า
07.30 น. บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่และเชิญท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
08.30 น. พบหัวหน้าอุทยานฯ ชมการบรรยายด้วยการฉาย สไลด์แสดงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนภูเรือ
09.30 น. เข้าสู่บรรยายเรื่องทรงกลมท้องฟ้า การใช้แผนที่ฟ้า เทคนิคการสังเกตกลุ่มดาวต่างๆ
การใช้กล้องสองตาและกล้องโทรทรรศน์จากวิทยากรสมาคมฯ หรือพักผ่อนตามอัธยาศัย
11.30 น. บริการอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ต์ และเชิญท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
13.00 น. พาท่านพิชิตยอดภูด้วยการเดินเท้าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชม หิน พระศิวะ สวนหินเต่า ผาโหล่นน้อย แก่งคุดคู้กลาง หรือเลือกเดินสำรวจบริเวณตีนภูแล้วเดินทางขึ้นสู่ยอดภูด้วยรถยนต์ท้องถิ่นในเวลา 16.00 น.
17.00 น. ถึงยอดภูเรือ เชิญท่านนมัสการพระพุทธรูปนาวาบรรพต เพื่อเป็นสิริมงคล และเราขอบริการอาหารเย็นแบบปิคนิคแด่ท่านสมาชิกท่ามกลางสายลมหนาวบนยอดภูเรือ
18.30 น. เตรียมตัวสำรวจท้องฟ้าดูดาวจริง ชมทะเลดาวที่ระลานตาซึ่งมีทางช้างเผือกที่สวยงามพาดผ่าน สังเกตกลุ่มดาวต่างๆ นอนนับดาวตกบนยอดภูเรือ ฟังนิทานดาว และชมวงแหวน ที่สวยงามของดาวเสาร์จากกล้องโทรทรรศน์ของสมาคมฯ
22.00 น เดินทางกลับลงมาสู่ที่พักบริเวณตีนภูด้วยรถยนต์ท้องถิ่น และเข้าสู่นิทราภายในเต๊นท์โดมอันแสนอบอุ่นของกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธ์พืช
 
วันที่สามของการเดินทาง ( วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2548)
03.00 น ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น เตรียมตัวเดินทางขึ้นสู่ยอดภูเรืออีกครั้งด้วยรถยนต์ท้องถิ่นเพื่อดูดาวตอนเช้า ชมดวงอาทิตย์ขึ้น ณ ยอดภูพร้อมสายลมหนาวในยามเช้า
07.30 น เดินเท้าจากยอดภูประมาณ 900 เมตร มาที่เบส 2 แล้วต่อรถยนต์ท้องถิ่นลงมาที่ตีนภู
08.00 น. บริการอาหารเช้าบริเวณตีนภูและขอ เชิญท่านเก็บสัมภาระให้เรียบร้อย
09.30 น. เข้าอำลาหัวหน้าอุทยานฯ
10.00 น. ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ
13.00 น. บริการอาหารกลางวันท่านด้วยไก่ย่างวิเชียรบุรีเลิศรสและมุ่งหน้ากลับสู่กรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
 
 
การรับสมัคร

กรอกใบสมัคร (ติดต่อขอรับใบสมัครได้ที่คุณสุกัญญา พึ่งผลงาม ตามที่อยู่ด้านล่าง หรือ ดาวโหลดใบสมัครได้ที่นี่) พร้อมชำระเงินค่าลงทะเบียนตามรายละเอียดดังแนบ ในกรณีฝากเงินผ่านทางธนาคารกสิกรไทย กรุณาส่งสำเนาใบฝากเงินพร้อมใบสมัครมาทางโทรสารที่หมายเลข 0 -2381 -7410 หรือส่งมาทางไปรษณีย์

ค่าใช้จ่ายการลงทะเบียน ค่ารถยนต์โดยสารปรับอากาศ , ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง , ค่าอาหารทุกมื้อ , ค่าที่พัก(นอนเต็นท์ของอุทยานฯ เนื่องจากบ้านพักเต็ม และยังถือโอกาสใกล้ชิดธรรมชาติในตัวด้วย) , ค่าเอกสารประกอบ , แผนที่ฟ้า ไฟฉายแดง

สิ่งที่ต้องเตรียมนำไปด้วย
1. อุปกรณ์กันหนาว
2. หมวกกันน้ำค้าง
3. ถุงนอนส่วนตัว (ถ้ามี)
4. กล้องสองตาส่วนตัว จะได้ไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่น(ถ้ามี)
5. ยารักษาโรคประจำตัว
6. ของใช้ส่วนตัวต่างๆ

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่

คุณสุกัญญา พึ่งผลงาม (เจ้าหน้าที่สมาคมดาราศาสตร์ไทย)
จันทร์ – เสาร์ 09.00 -17.00 น. วันอาทิตย์สมาคมฯ ปิดทำการ
โทร. 0-2381-7409
โทรสาร. 0-2381-7410

คุณพรชัย รังษีธนะไพศาล (เหรัญญิกสมาคมฯ)
มือถือ 01 - 833 - 6511
ที่ทำงาน โทร. 0-2234-9988 ต่อ 163-4 อ๊อด (9.00 น.-17.00น.)
โทร. 0-2882-0489 ( 20.00 น. – 24.00 น.)

หมายเหตุ
  • กำหนดการดังกล่าวข้างต้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม

  • โปรดนำสัมภาระมาเท่าที่จำเป็น เพราะช่วงนี้อากาศเย็น

  • สมาชิกฯ กรุณารับประทานอาหารเย็นมาก่อนเดินทาง

  • สมาชิกฯ ที่มีโรคประจำตัวหรือต้องการอาหารพิเศษ เช่น มังสวิรัต,เจ,อิสลาม กรุณาแจ้งเจ้าที่ขณะทำการจองที่นั่ง
  •