วาระสุดท้ายของสถานีอวกาศมีร์
23 มีนาคม 2544
โดย: วรเชษฐ์ บุญปลอด (worachateb@yahoo.com)
ปรับปรุงครั้งล่าสุด 5 มกราคม 2560
•รายงานล่าสุดระบุว่าสถานีอวกาศมีร์ตกลงสู่มหาสมุทรในเวลา 12.59 น. ผู้สังเกตการณ์บนเกาะฟิจิสามารถมองเห็นชิ้นส่วนของสถานีเคลื่อนผ่านท้องฟ้าไปอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงด้วยดี ไม่มีรายงานผู้ได้รับอันตรายจากการตกของสถานี
•09.32 น. มีรายงานยืนยันว่าการจุดจรวดบนยานโพรเกรสสองครั้งแรก สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี คาดว่าการจุดจรวดครั้งสุดท้ายจะมีขึ้นในเวลาประมาณ 12.09 น.
•คาดว่าเทปบันทึกภาพเหตุการณ์จากเครื่องบิน จะออกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์ www.mirreentry.com
•ในวันศุกร์ที่ 23 มีนาคม จะมีการจุดเครื่องยนต์ของยานโพรเกรส ซึ่งขณะนี้เชื่อมต่ออยู่กับมีร์จำนวน 3 ครั้ง ได้แก่ เวลา 7.32 น. 9.01 น. และ 12.08 น. ซึ่งเป็นการปรับวงโคจรของสถานี ขณะที่สถานีอวกาศมีร์ลดระดับลงสู่โลก จะผ่านเหนือน่านฟ้าญี่ปุ่นที่ระดับความสูง 170 กิโลเมตร ในเวลาประมาณ 12.30 น. จากนั้นจะลดระดับมาอยู่ที่ 100 กิโลเมตรในเวลา 12.44 น. และเริ่มระเบิดออกในเวลา 12.52 น. ขณะที่อยู่สูง 80 กิโลเมตร ชิ้นส่วนของสถานีตกลงสู่พื้นโลกในเวลาประมาณ 13.00-13.30 น.
ภาพสถานีอวกาศมีร์จากเกาะฟิจิ
ภาพถ่าย
4 ภาพบนถ่ายโดย Rob Griffith สำนักข่าว AP
ภาพถ่าย 3 ภาพบนโดย Mark Baker สำนักข่าว Reuters
รัสเซียกำหนดวันปล่อยมีร์ตกลงสู่โลก
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2543 รัฐบาลรัสเซียแจ้งต่อสหประชาชาติในการที่จะบังคับให้สถานีอวกาศมีร์ตกลงสู่พื้นโลก ซึ่งเป็นขั้นตอนตามกฎหมายว่าด้วยอันตรายจากห้วงอวกาศ หลังจากนั้นมีการกำหนดให้วันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ เป็นวันปฏิบัติการ ซึ่งต่อมามีการเลื่อนกำหนดการออกมาหลายต่อหลายครั้ง ขณะที่สถานีอวกาศมีร์กำลังลดระดับต่ำลงเรื่อยๆ เนื่องจากแรงเสียดทานของบรรยากาศ โดยเมื่อวันที่ 12 มีนาคม หลังจากที่สถานีหมุนคว้างอย่างช้าๆ เนื่องจากระบบไจโรสโคปที่ใช้ในการปรับการวางตัวของสถานีหยุดการทำงานเมื่อต้นปี คอมพิวเตอร์หลักบนสถานีเริ่มทำงานอีกครั้งด้วยคำสั่งจากภาคพื้นดินหลังจากที่หยุดการทำงานมานานเพื่อรักษาพลังงานไฟฟ้า การเปิดสวิตซ์คอมพิวเตอร์ครั้งนี้ เพื่อใช้ในการปรับการวางตัวของสถานีก่อนที่จะมีการจุดจรวดโดยยานโพรเกรสที่เชื่อมต่ออยู่ซึ่งเป็นขั้นตอนในการนำสถานีตกลงสู่โลก ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 มีนาคม รัสเซียแถลงการณ์ว่าวันศุกร์ที่ 23 มีนาคม จะเป็นวันสุดท้ายในอวกาศของสถานีอวกาศมีร์ ซึ่งเลื่อนจากที่ประกาศก่อนหน้านี้อีกหนึ่งวัน เนื่องจากวงโคจรของสถานีลดระดับลงช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เส้นทางของมีร์จะผ่านน่านฟ้าญี่ปุ่นด้วย ซึ่งขณะที่มีร์ผ่านประเทศญี่ปุ่นนั้นจะอยู่เหนือพื้นดินประมาณ 200 กิโลเมตร
สถานีอวกาศมีร์ซึ่งเป็นสุดยอดโครงการอวกาศของอดีตสหภาพโซเวียต และเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของชาวรัสเซีย กำลังมีวงโคจรที่ลดระดับต่ำลงทุกขณะ สถานีประกอบด้วยโมดูลส่วนต่างๆ น้ำหนักรวมกว่า 135 ตัน จะเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาที่ตกลงสู่บรรยากาศโลกจากวงโคจร คาดกันว่าหลังจากที่สถานีแตกสลายระหว่างการเสียดสีกับบรรยากาศ จะมีชิ้นส่วนนับพันชิ้นน้ำหนักรวมราว 20-35 ตัน หลงเหลือและตกลงสู่พื้นโลก หลายเดือนที่ผ่านมา นานาชาติแสดงความกังวลว่าชิ้นส่วนเหล่านี้อาจตกลงในบริเวณที่มีผู้คนอาศัยอยู่ ซึ่งรัสเซียออกมายืนยันว่าการตกของสถานีอวกาศมีร์ในครั้งนี้จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียเปลี่ยนกำหนดการจากก่อนหน้านี้ที่จะกำหนดวันให้มีร์ตกลงสู่โลกในช่วงที่มีร์ลดระดับที่ 250 กิโลเมตร เป็นประมาณ 220 กิโลเมตร ซึ่งมีร์มีวงโคจรต่ำลงราววันละ 2 กิโลเมตร ผู้ควบคุมจะบังคับให้สถานีอวกาศมีร์ตกด้วยการจุดจรวดบนยานโพรเกรสที่กำลังเชื่อมต่ออยู่กับมีร์ แต่ถ้าหากไม่มีการบังคับมีร์ด้วยการจุดจรวด สถานีอวกาศจะตกลงสู่โลกในประมาณวันที่ 28 มีนาคมนี้ และอาจตกในบริเวณที่มีผู้คนอาศัยอยู่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัสเซียและประชาคมโลกไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
รัสเซียขอความร่วมมือจากสหรัฐฯ และยุโรป
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม โฆษกรัฐบาลสหรัฐฯ แถลงอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนว่า สหรัฐฯ จะให้ความร่วมมือกับรัสเซียในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็นระหว่างการบังคับสถานีอวกาศมีร์ให้ตกลงสู่พื้นโลก ได้แก่ ตำแหน่งและวงโคจรของสถานี ข้อมูลบรรยากาศโลก รวมทั้งปฏิกิริยาของดวงอาทิตย์ที่มีผลต่อบรรยากาศโลก ซึ่งก่อนหน้านี้มีความร่วมมือจากการที่ศูนย์บัญชาการด้านอวกาศของสหรัฐฯ ตั้งอยู่ที่ฐานทัพอากาศปีเตอร์สันในโคโลราโด ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของกระทรวงกลาโหม มีหน้าที่หลักในการติดตามความเคลื่อนไหวในอวกาศ คือ ตรวจจับจรวดนำวิถีที่พุ่งเป้ามายังอเมริกาเหนือ จะใช้เรดาร์และกล้องโทรทรรศน์ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงวงโคจรของสถานีอวกาศมีร์ รวมทั้งให้ข้อมูลสภาวะของชั้นบรรยากาศกับรัสเซียในการกำหนดวันและเวลาที่แน่นอนในการบังคับมีร์ตกลงสู่โลก โดยหน่วยงานทำหน้าที่เพียงการสังเกตการณ์เท่านั้น เจ้าหน้าที่ของศูนย์บัญชาการแห่งนี้คาดว่าจะสามารถคำนวณหาจุดตกที่แน่นอนของมีร์ได้ในช่วง 30 นาทีสุดท้าย เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ รัสเซียและนาซาได้ทดลองซักซ้อมการทำงานร่วมกันในช่วงเหตุการณ์ขณะมีร์ตกลงสู่พื้นโลกด้วยการติดต่อทางเครือข่าย นอกจากนี้องค์การอวกาศยุโรป จะให้ความร่วมมือตามคำขอของรัสเซียด้วยการให้ข้อมูลมีร์จากเรดาร์ในเยอรมนีด้วย
จุดตกของสถานีอวกาศมีร์
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียกล่าวว่า สถานีอวกาศมีร์จะปิดตัวเองจากการสั่งการด้วยการควบคุมระยะไกลขณะที่สถานีโคจรผ่านเหนือรัสเซีย หลังจากนี้ยานโพรเกรสที่ต่ออยู่กับมีร์จะจุดจรวดเพื่อบังคับมีร์ให้ตกลงทำมุมชันกับพื้นผิวโลก ความหนาแน่นของบรรยากาศและกระแสลมจะทำให้อัตราเร็วของสถานีลดลงจากประมาณ 27,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นประมาณ 600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยจุดตกของมีร์กำหนดให้เป็นพิกัดทางภูมิศาสตร์ที่ละติจูด 44.2 องศาใต้ ลองจิจูด 150 องศาตะวันตก ซึ่งเป็นบริเวณตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่ห่างจากนิวซีแลนด์ไปทางทิศตะวันออกเป็นระยะทางประมาณ 3,000 กิโลเมตร อยู่ระหว่างนิวซีแลนด์และชิลีในทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่มีเกาะและมีการจราจรทางทะเลและทางอากาศเบาบาง พื้นที่เป้าหมายมีความยาวประมาณ 5,500-6,000 กิโลเมตร กว้าง 200 กิโลเมตร สถานีอวกาศมีร์ประกอบด้วยแกนสำหรับการเชื่อมต่อที่ส่งขึ้นไปในปี พ.ศ. 2529 และโมดูลห้องปฏิบัติการและโมดูลระบบอีก 5 โมดูล เคยมีโครงการเชื่อมต่อกับยานขนส่งอวกาศร่วมกันกับสหรัฐอเมริกามาแล้วหลายครั้ง
มีร์แตกกระจายก่อนตกลงสู่มหาสมุทร
ทุกๆ ปี ดาวเทียมของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สามารถตรวจจับอุกกาบาตที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกับมีร์ตกลงสู่บรรยากาศโลกราว 10 ครั้ง อย่างเมื่อปีที่แล้ว วันที่ 18 มกราคม 2543 อุกกาบาตน้ำหนัก 200 ตัน เข้าสู่บรรยากาศโลกและแตกกระจายเหนือแคนาดา หากว่ามีอุกกาบาตน้ำหนักเท่ากับมีร์ตกลงถึงพื้นโลกจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก คล้ายกับการระเบิดของระเบิดทีเอ็นทีน้ำหนักหลายพันตัน และจะมีหลุมอุกกาบาตขนาดราวสนามฟุตบอล แต่สิ่งนี้จะไม่ใช้ผลจากการตกของสถานีอวกาศมีร์ เนื่องจากโลกมีบรรยากาศอันหนาแน่นคอยป้องกันอยู่
ขณะผ่านชั้นบรรยากาศโลก คาดว่าสถานีอวกาศมีร์จะเผาไหม้และแตกกระจายออก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา 8-10 นาทีหลังจากที่เข้าสู่บรรยากาศที่หนาแน่นแล้ว เป็นเพียงแค่การคาดการณ์จากหลักทางฟิสิกส์เท่านั้น ซึ่งศูนย์บัญชาการด้านอวกาศของสหรัฐฯ จะสามารถยืนยันการตกของสถานีได้ก็ต่อเมื่อเครือข่ายของอุปกรณ์ตรวจจับไม่สามารถพบสัญญาณการมีอยู่ของสถานีอวกาศมีร์ได้อีก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีร์มีขนาดใหญ่มาก ทำให้คาดว่าชิ้นส่วนราว 1,500 ชิ้น น้ำหนักรวมประมาณ 20-35 ตัน จะตกลงถึงผิวโลกในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ แม้ว่ารัสเซียจะยืนยันกับชาวโลกว่าจะไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นต่อสาธารณชน แต่เมื่อวันที่ 11 มีนาคม รัสเซียได้ทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัยภายในประเทศจำนวน 3 แห่งด้วยวงเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ที่ผ่านมา รัสเซียมีประสบการณ์ในการนำยานลงสู่บรรยากาศโลกมาแล้วราว 100 ครั้ง สถานีอวกาศของรัสเซียที่ถูกบังคับให้ตกลงสู่โลกล่าสุด คือ ซาลยุต 6 น้ำหนัก 40 ตัน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2525 ซึ่งรัสเซียไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจากการที่สถานีสกายแล็บของสหรัฐฯ เคยตกลงในบริเวณตะวันตกของออสเตรเลียในปี พ.ศ. 2522
ภาพจำลองการแตกระเบิดของสถานีอวกาศมีร์
อวกาศรอบโลกที่เต็มไปด้วยขยะ
ขณะนี้สถานีอวกาศมีร์ไม่ได้เป็นขยะอวกาศชิ้นเดียวที่โคจรอยู่รอบโลก จากข้อมูลของศูนย์บัญชาการด้านอวกาศของสหรัฐฯ นับตั้งแต่ยุคอวกาศเริ่มต้นขึ้นจากการส่งยานสปุตนิกของอดีตสหภาพโซเวียตในปี พ.ศ. 2500 มีวัตถุที่มนุษย์ก่อให้เกิดขึ้นในวงโคจรรอบโลกราว 26,600 ชิ้น ซึ่งในจำนวนนี้ 17,700 ชิ้นได้ตกลงและเผาไหม้ในบรรยากาศโลก อีก 600 ชิ้น กระจายออกสู่อวกาศ ที่เหลืออีก 8,300 ชิ้น ยังคงโคจรอยู่รอบโลก ในจำนวนที่เหลือนี้มีเพียงร้อยละ 7-10 เท่านั้นที่เป็นดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ โดยมีหน่วยงาน NORAD คอยติดตามการเคลื่อนที่ของขยะอวกาศและดาวเทียมต่างๆ เหล่านี้
ความหวั่นกลัวของนานาชาติ
ก่อนหน้านี้ที่รัสเซียกำหนดให้มีร์ผ่านน่านฟ้าญี่ปุ่นในระหว่างการตก ญี่ปุ่นได้ร้องขอรัสเซียให้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับญี่ปุ่นและมีแผนที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญไปยังศูนย์ควบคุมภารกิจซึ่งอยู่นอกกรุงมอสโคว์ เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยจุดตกลงสู่พื้นโลกของมีร์ที่กำหนดไว้นั้นอยู่ใกล้กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ดังนั้นหากเกิดความผิดพลาดในระหว่างการเข้าสู่บรรยากาศของสถานี ทั้งสองประเทศอาจพบกับหายนะครั้งร้ายแรง จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการด้านการเข้าสู่บรรยากาศของดาวเทียม (Satellite Reentry Committee) ในนิวซีแลนด์ ขณะที่ออสเตรเลียจัดตั้งหน่วยงานในการจัดการด้านความปลอดภัยขึ้น เพื่อเตรียมรับมือกับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น แม้ว่าทั้งสองประเทศยังมั่นใจในความปลอดภัย แต่ก็กำลังติดตามแผนงานของรัสเซียในภารกิจนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากในอดีตเคยมีการตกของชิ้นส่วนจากดาวเทียมมาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้น ในปี พ.ศ. 2515 มีลูกบอลไททาเนียมสำหรับกันก๊าซพิษ 4 ชิ้น น้ำหนักชิ้นละ 14 กิโลกรัมตกลงในทุ่งนาของนิวซีแลนด์ จากการสอบสวนเชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนของยานโซเวียต