ดาวเทียมยูอาร์ส (UARS)
ดาวเทียมขององค์การนาซาตกสู่โลกอย่างไร้การควบคุม คาดว่ามีชิ้นส่วนโลหะหลงเหลือกว่า 500 กิโลกรัม ตกลงสู่พื้นโลก มีโอกาสน้อยมากที่คนบนโลกจะได้รับอันตราย นาซาระบุว่าดาวเทียมตกในวันที่ 24 กันยายน 2554 เวลา 11:00 น. ตามเวลาประเทศไทย จุดตกอยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก
(Upper Atmosphere Research Satellite : UARS) เป็นดาวเทียมขนาด 4.5 × 11 เมตร หนัก 5.7 ตัน ที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือองค์การนาซา ได้นำไปปล่อยในอวกาศเมื่อเดือนกันยายน 2534 โดยบรรทุกไปกับกระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรี ภารกิจคือการสำรวจบรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์ ดาวเทียมทำงานอยู่ในวงโคจรรอบโลกที่ความสูงประมาณ 580 กิโลเมตร หลังจากสิ้นสุดภารกิจแล้ว ปลายปี 2548 นาซาได้ใช้เชื้อเพลิงที่เหลืออยู่บนดาวเทียม ดึงดาวเทียมลงมาที่วงโคจร 360 × 510 กิโลเมตร เหนือผิวโลก เพื่อปล่อยให้ค่อย ๆ ตกลงมาด้วยแรงต้านจากชั้นบรรยากาศ
9 กันยายน 2554 นาซาแถลงว่าดาวเทียมยูอาร์สจะตกในปลายเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคม 2554 โดยปราศจากการควบคุม เนื่องจากไม่เหลือเชื้อเพลิงบนดาวเทียม พร้อมระบุว่ามีโอกาส 1 ใน 3,200 หรือ 0.03% ที่ชิ้นส่วนดาวเทียมจะตกใส่คนจนก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือล้มตาย นาซากล่าวว่าที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีรายงานที่ยืนยันได้ว่ามนุษย์ได้รับอันตรายจากการตกของชิ้นส่วนดาวเทียมหรือขยะอวกาศอื่นๆ เว็บไซต์ของแอโรสเปซระบุว่ามีสตรีคนหนึ่งในรัฐโอคลาโฮมา โดนชิ้นส่วนจรวดขนาด 6 นิ้ว ชนเข้าที่ไหล่เมื่อปี 2540 แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากถูกชนเบา ๆ แม้ความเสี่ยงจะต่ำมาก แต่นาซาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และกำลังเฝ้าติดตามดาวเทียมดวงนี้อย่างใกล้ชิด
วงโคจรที่เอียง 57° กับเส้นศูนย์สูตร ทำให้บอกได้แต่เพียงว่าจุดตกอยู่ในช่วงละติจูด 57° เหนือ ลงไปถึงละติจูด 57° ใต้ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ที่มีประชากรโลกอาศัยอยู่เกือบทั้งหมด ส่วนวันและเวลานั้น ขณะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน นาซาประเมินว่าอยู่ในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม โดยระบุในเว็บไซต์เมื่อวันที่ 12 กันยายนว่าอาจเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือน และล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กันยายน คาดว่ายูอาร์สจะตกในวันที่ 23 กันยายน (± 1 วัน)
ศูนย์ปฏิบัติการอวกาศร่วม(Joint Space Operations Center หรือ JSpOC) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กองบัญชาการยุทธศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Strategic Command) จะแจ้งผลการพยากรณ์เวลาตกให้เราทราบเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม การพยากรณ์จุดตกมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากความไม่สม่ำเสมอของความหนาแน่นในชั้นบรรยากาศ แม้ก่อนตก 2 ชั่วโมง ก็ยังอาจคลาดเคลื่อนได้อีกราวครึ่งชั่วโมง เป็นความจริงที่ต้องยอมรับว่านักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถระบุจุดตกที่แม่นยำได้ แต่จะตีกรอบให้แคบลงจนสามารถบอกได้ว่าดาวเทียมมีเส้นทางผ่านบริเวณใดบ้างขณะที่มันกำลังลุกไหม้ในบรรยากาศ
ข้อมูลจากแบบจำลองการตกของดาวเทียมดวงนี้ซึ่งจัดทำขึ้นในปี2545 ประเมินว่าดาวเทียมจะเริ่มลุกไหม้จนชิ้นส่วนต่าง ๆ แยกออกจากกันที่ความสูงประมาณ 80 กิโลเมตร เกือบทั้งหมดถูกเผาไหม้ไปในชั้นบรรยากาศ แต่จะมีโลหะขนาดต่าง ๆ กันราว 26 ชิ้น และชิ้นส่วนเล็ก ๆ อีกหลายชิ้น น้ำหนักรวม 532 กิโลกรัม หลุดรอดลงมาถึงพื้นดิน
เศษซากเหล่านี้ทยอยตกเป็นแนวยาว800 กิโลเมตร ตามเส้นทางการเคลื่อนที่ของดาวเทียมขณะที่มันพุ่งผ่านชั้นบรรยากาศ ซากที่เหลือส่วนใหญ่เป็นเหล็กกล้า อะลูมิเนียม โลหะไทเทเนียม และเบริลเลียม มีรูปทรงหลายแบบ ทั้งเป็นกล่องสี่เหลี่ยม ทรงกระบอก ทรงกลม และเป็นแผ่น ชิ้นใหญ่ที่สุดหนักราว 160 กิโลกรัม หากมีการพบเห็นชิ้นส่วนดาวเทียมตกที่ใดให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และหลีกเลี่ยงการแตะต้อง
หากเราอยู่ในรัศมีการมองเห็น (ห่างไม่เกิน 1,000 กิโลเมตร ในแนวราบ) ถ้าเป็นเวลากลางคืน จะเห็นลูกไฟสว่างหลายลูกพุ่งเป็นทางยาวไปพร้อมกันบนท้องฟ้า ถ้าเป็นเวลากลางวัน มันจะสว่างจนมองเห็นได้ ส่วนใหญ่เมื่อใกล้ถึงพื้นจะมีความเร็วต่ำ ยกเว้นชิ้นที่หนักมาก นาซาคำนวณว่าจะมีความเร็วสูงถึง 107 เมตร/วินาที (385 กิโลเมตร/ชั่วโมง) หากพบว่าดาวเทียมมีโอกาสตกบนพื้นดินหรือเขตเมืองที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่น อาจมีคำแนะนำถึงวิธีปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงอันเกิดจากการตกของดาวเทียม ซึ่งก็คือไม่อยู่กลางแจ้ง อย่างไรก็ตาม อย่าตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะดาวเทียมดวงนี้ไม่ได้บรรจุสารที่เป็นพิษ และมีโอกาสน้อยที่เราจะได้รับบาดเจ็บโดยตรงจากชิ้นส่วนดาวเทียม
ในอดีตสถานีอวกาศมีร์ของรัสเซียหนักราว 120 ตัน เคยตกในปี 2544 แต่เป็นการควบคุมให้ตกลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก จึงไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้คนบนพื้นโลก ส่วนสถานีอวกาศสกายแล็บหนักราว 80 ตัน ตกเมื่อปี 2522 ชิ้นส่วนกระจายในมหาสมุทรอินเดียและดินแดนที่มีคนอาศัยอยู่เบาบางทางตะวันตกของออสเตรเลีย ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหาย
(Jules Verne Automated Transfer Vehicle) ขององค์การอีซา (ESA) แตกกระจายและลุกไหม้บนท้องฟ้า เหนือทะเลทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ภาพเคลื่อนไหวนี้ถ่ายจากเครื่องบินของนาซาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2551
จาก Analytical Graphic, Inc.
-27 กันยายน 2554
-นาซาสรุปว่าดาวเทียมยูอาร์สเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2554 เวลา 11:00 น. ตามเวลาประเทศไทย จุดตกอยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก (ละติจูด 14.1° ใต้ ลองจิจูด 170.2° ตะวันตก) แต่ไม่พบรายงานการมองเห็น คาดว่าซากดาวเทียมตกในทะเลเป็นระยะทางตั้งแต่ 300 ถึง 800 ไมล์ (480-1290 กิโลเมตร) ห่างไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจุดตก
ดาวเทียมยูอาร์ส
ดาวเทียมวิจัยบรรยากาศชั้นบนหรือยูอาร์สนาซาเตือนยูอาร์สใกล้ตก
วันที่ยังไม่ทราบเวลาตก
ในเบื้องต้นไม่สามารถระบุได้ว่ายูอาร์สจะตกในวันใดหรือบริเวณใดศูนย์ปฏิบัติการอวกาศร่วม
แบบจำลองบอกอะไรบ้าง
ข้อมูลจากแบบจำลองการตกของดาวเทียมดวงนี้ซึ่งจัดทำขึ้นในปี
เศษซากเหล่านี้ทยอยตกเป็นแนวยาว
สามารถมองเห็นได้หรือไม่
ขณะที่ดาวเทียมยูอาร์สตกสู่โลกในอดีต
ยานจูลส์เวิร์นเอทีวี
ภาพจำลองการตกของดาวเทียมยูอาร์ส
ความเคลื่อนไหวล่าสุด
-
-