ในอีก 3 ปีข้างหน้า ห้องทดลองขนาดเล็กของญี่ปุ่นจะกลายเป็นโครงสร้างส่วนเดียวของสถานีอวกาศนานาชาติที่ถูกสร้างโดยประเทศในทวีปเอเชีย ห้องทดลองดังกล่าวมีชื่อว่า คิโบะ ซึ่งมีความหมายว่าความหวัง ญี่ปุ่นใช้เวลากว่า 16 ปี และเงินทุนราว 4 พันล้านเหรียญสหรัฐในการพัฒนาคิโบะ โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2544 โครงการดังกล่าวได้เข้าสู่ช่วงสุดท้าย แต่โครงการอวกาศของญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหา ในขณะที่การแข่งขันทางด้านอวกาศในเอเชียก็กำลังเริ่มจะเข้มข้น นี่คือสิ่งที่ทำให้ญี่ปุ่นคงความเป็นผู้นำอยู่ได้แม้เพียงปลายจมูก
ฮิเดโอะนางาสึ อดีตผู้อำนวยการห้องทดลองอวกาศแห่งชาติของญี่ปุ่น กล่าวว่า "โครงการนี้มีความสำคัญต่อเรามาก เราทุ่มเทเวลาและงบประมาณจำนวนมหาศาลกับโครงการนี้ และเราต้องทำสำเร็จ" การแข่งขันทางด้านอวกาศของเอเชีย ไม่มีการประโคมให้ก้องโลกเหมือนการแข่งขันที่จะไปดวงจันทร์ ในยุคสงครามเย็น แต่มันก็เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของการแข่งขันระหว่างสหรัฐอเมริกาและอดีตสหภาพโซเวียต ที่มุ่งเน้นผลในเชิงยุทธศาสตร์มากกว่าความเป็นวิทยาศาสตร์
การแข่งขันในครั้งนี้มีผู้แข่งขันมากมายจีนต้องการจะเป็นประเทศต่อไปที่สามารถส่งมนุษย์ขึ้นไปยังอวกาศ อินเดียกำลังใกล้ประสบความสำเร็จในเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการส่งดาวเทียมและการส่งขีปนาวุธข้ามทวีป เกาหลีเหนืออ้างว่ามีดาวเทียมไร้คนบังคับที่โคจรอยู่รอบโลกแล้ว ส่วนออสเตรเลียก็กำลังพยายามเป็นผู้รับจ้างส่งดาวเทียมให้ได้
โจแอนจอห์นสัน-ฟรีส กล่าวว่า "ในขณะนี้การแข่งขันทางด้านอวกาศมีอยู่มากมายหลายประเทศ ทั้งการแข่งขันด้านชื่อเสียงและการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยี" ญี่ปุ่นให้เหตุผลในการเข้าร่วมโครงการสถานีอวกาศนานาชาติว่าต้องการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสภาพแรงดึงดูดต่ำ (microgravity research) แต่เหตุผลที่แท้จริงคือ ญี่ปุ่นกำลังเข้าก้าวสู่การแข่งขันโครงการอวกาศแบบใช้มนุษย์ คิโบะจะถูกส่งขึ้นสู่อวกาศโดยกระสวยอวกาศของสหัฐในปี พ.ศ. 2547 เนื่องจากญี่ปุ่นไม่มีจรวดที่มีกำลังเพียงพอเป็นของตนเอง ส่วนจีนมีแผนการ 31 ปี ที่ยังไม่เปิดเผยในโครงการอวกาศของตนเอง นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า จีนมีศักยภาพที่จะเตรียมนักบินอวกาศของตนสำหรับโครงการอวกาศได้ภายในระยะเวลา 2 ปี
ฮิเดโอะ
การแข่งขันในครั้งนี้มีผู้แข่งขันมากมาย
โจแอน