สมาคมดาราศาสตร์ไทย

ฝนดาวตกในปี 2562

ฝนดาวตกในปี 2562

1 มกราคม 2562
ปรับปรุงครั้งล่าสุด 14 มกราคม 2562
โดย: วรเชษฐ์ บุญปลอด (worachateb@yahoo.com)
ดาวตกเกิดจากสะเก็ดดาว (meteoroid) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของดาวหางและดาวเคราะห์น้อย เคลื่อนเข้าสู่บรรยากาศโลก หากสังเกตจากสถานที่ซึ่งท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีเมฆหมอก แสงจันทร์ และแสงไฟฟ้ารบกวน โดยทั่วไปสามารถมองเห็นดาวตกบนท้องฟ้าได้เฉลี่ยราว ดวงต่อชั่วโมง ดาวตกที่สว่างมากเรียกว่าลูกไฟ (fireball) หากระเบิดเรียกว่าดาวตกชนิดระเบิด (bolide) ซึ่งบางครั้งก่อให้เกิดเสียงดัง

เส้นทางที่สะเก็ดดาวจำนวนมากเคลื่อนที่เป็นสายไปในแนวเดียวกันในอวกาศเรียกว่าธารสะเก็ดดาว (meteoroid stream) แรงโน้มถ่วงของวัตถุต่าง ๆ ในระบบสุริยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวเคราะห์ ส่งผลรบกวนต่อธารสะเก็ดดาว เมื่อโลกเดินทางฝ่าเข้าไปในธารสะเก็ดดาว ซึ่งเกิดขึ้นหลายช่วงของปี จะทำให้เห็นดาวตกหลายดวงดูเหมือนพุ่งออกมาจากบริเวณเดียวกันบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นมุมมองในเชิงทัศนมิติ ลักษณะเดียวกับที่เราเห็นรางรถไฟบรรจบกันที่ขอบฟ้า เรียกปรากฏการณ์ที่เห็นดาวตกดูเหมือนพุ่งมาจากจุดเดียวกันนี้ว่าฝนดาวตก (meteor shower)


ในรอบปีมีฝนดาวตกหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีลักษณะและจำนวนความถี่แตกต่างกันตามแต่องค์ประกอบและความเร็วของสะเก็ดดาว ฝนดาวตกบางกลุ่มอาจมีเพียงไม่กี่ดวงต่อชั่วโมง แต่ก็ยังเรียกว่าฝนดาวตก ดาวตกจากฝนดาวตกสามารถปรากฏในบริเวณใดก็ได้ทั่วท้องฟ้า แต่เมื่อลากเส้นย้อนไปตามแนวของดาวตก จะไปบรรจบกันที่จุดหนึ่ง เราเรียกจุดนั้นว่าจุดกระจาย (radiant) ชื่อฝนดาวตกมักตั้งตามกลุ่มดาวหรือดาวฤกษ์ที่อยู่บริเวณใกล้จุดกระจาย

ดาวตกจากฝนดาวตกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อจุดกระจายขึ้นมาอยู่เหนือขอบฟ้าแล้ว ฝนดาวตกแต่ละกลุ่มจึงมีช่วงเวลาที่เห็นได้แตกต่างกัน แสงจันทร์และแสงจากตัวเมืองเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสังเกตดาวตก จึงควรหาสถานที่ซึ่งท้องฟ้ามืด ยิ่งฟ้ามืดก็จะยิ่งมีโอกาสเห็นดาวตกได้มากขึ้น อัตราตกของฝนดาวตกมักสูงสุดในช่วงที่จุดกระจายอยู่สูงบนท้องฟ้า จึงควรเลือกเวลาสังเกตให้ใกล้เคียงกับช่วงที่ตำแหน่งของจุดกระจายอยู่สูงสุด ซึ่งสามารถหาได้จากการหมุนแผนที่ฟ้า หรือซอฟต์แวร์จำลองท้องฟ้า หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีแสงจันทร์รบกวน และสังเกตก่อนที่ท้องฟ้าจะสว่างในเวลาเช้ามืด

บางปี ฝนดาวตกบางกลุ่มจะมีอัตราตกสูงเป็นพิเศษ เกิดขึ้นเมื่อโลกโคจรผ่านธารสะเก็ดดาวในส่วนที่มีสะเก็ดดาวอยู่หนาแน่น ปัจจุบัน วิธีการพยากรณ์ว่าจะมีฝนดาวตกที่มีอัตราตกสูงมากเมื่อใด กระทำโดยสร้างแบบจำลองทำนายการเคลื่อนที่ของสะเก็ดดาว แล้วคำนวณว่าโลกจะมีเส้นทางผ่านธารสะเก็ดดาวนั้นเมื่อใด

ฝนดาวตกในปี 2562
ฝนดาวตก ช่วงที่ตก คืนที่มีมากที่สุด เวลาที่จุดกระจายขึ้นเหนือขอบฟ้า (ประมาณ)อัตราตกสูงสุดในประเทศไทย (ดวง/ชั่วโมง) {ไม่ใช่ ZHR} หมายเหตุ
ควอดแดรนต์ 28 ธ.ค. 12 ม.ค. 3/4 ม.ค. 02:00 น. 25 (5-6 น.)-
พิณ 16-25 เม.ย. 22/23 เม.ย. 22:00 น. (3-5 น.)แสงจันทร์รบกวน
อีตาคนแบกหม้อน้ำ 19 เม.ย. 28 พ.ค. 6/7 พ.ค. 02:00 น. 35 (4-5 น.)-
เดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้ 12 ก.ค. 23 ส.ค. 29/30/31 ก.ค. 21:00 น. 20 (1-3 น.)-
เพอร์ซิอัส 17 ก.ค. 24 ส.ค. 12/13 ส.ค. 22:30 น. 60 (4-5 น.)แสงจันทร์รบกวนก่อนตี 4
นายพราน ต.ค. พ.ย. 21/22/23 ต.ค. 22:30 น. 10 (3-5 น.)แสงจันทร์รบกวนหลังตี 1
สิงโต 6-30 พ.ย. 17/18/19 พ.ย. 00:30 น. (5-6 น.)แสงจันทร์รบกวน
คนคู่ 4-17 ธ.ค. 14/15 ธ.ค. 20:00 น. 45 (1-3 น.)แสงจันทร์รบกวน


หมายเหตุ


    คอลัมน์ "คืนที่มีมากที่สุด" เครื่องหมายทับ (/) ใช้คั่นคืนวันแรกกับเช้ามืดของอีกวันหนึ่ง เช่น 3/4 หมายถึงคืนวันที่ ถึงเช้ามืดวันที่ 4
    จุดกระจายของฝนดาวตกควอดแดรนต์อยู่ทางทิศเหนือของกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ (ค่อนไปทางกลุ่มดาวมังกร)
    ข้อมูลฝนดาวตกโดยทั่วไปบอกอัตราตกสูงสุดที่จุดจอมฟ้า (Zenithal Hourly Rate ZHR) ซึ่งหมายถึงอัตราตกเมื่อจุดกระจายอยู่ที่จุดเหนือศีรษะ และท้องฟ้ามืดจนเห็นดาวจางที่สุดด้วยโชติมาตร 6.5 ในการสังเกตการณ์จริง มุมเงยของจุดกระจายและอัตราตกสูงสุดที่จุดจอมฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงตามเวลา ตัวเลขอัตราตกสูงสุดในตารางนี้ได้คำนวณสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ โดยคำนึงถึงมุมเงยของจุดกระจายและผลจากแสงจันทร์รบกวนซึ่งทำให้ท้องฟ้าไม่มืดสนิท ในวงเล็บคือชั่วโมงที่คาดว่าตกสูงสุด หรือช่วงเวลาที่มีโอกาสเห็นดาวตกจำนวนมากที่สุดหากไม่มีเมฆบัง
    นอกจากเมฆ มลพิษทางแสงเป็นอุปสรรคสำคัญในการเห็นดาวตก การสังเกตดาวตกในเมืองใหญ่จะมีจำนวนดาวตกลดลงจากตัวเลขในตารางนี้หลายเท่า
    การคาดหมายอัตราตกของฝนดาวตกอาศัยข้อมูลตัวเลขจากปรากฏการณ์ในอดีต ควรใช้เป็นแนวทางคร่าว ๆ เท่านั้น เพราะมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้
    ฝนดาวตกควอดแดรนต์มีจุดกระจายอยู่บริเวณใกล้ส่วนหางของกลุ่มดาวหมีใหญ่หรือจระเข้ ส่วนฝนดาวตกกลุ่มอื่นมีจุดกระจายอยู่ในกลุ่มดาวชื่อเดียวกัน
- ใช้ข้อมูลฝนดาวตกจาก International Meteor Organization (IMO) และ Meteor Shower Flux Estimator โดย Peter Jenniskens