ฝนดาวตกในปี 2556
ดาวตกเกิดจากสะเก็ดดาว (meteoroid) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของดาวหางและดาวเคราะห์น้อย เคลื่อนเข้าสู่บรรยากาศโลก หากสังเกตจากสถานที่ซึ่งท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีเมฆหมอก แสงจันทร์ และแสงไฟฟ้ารบกวน โดยทั่วไปสามารถมองเห็นดาวตกบนท้องฟ้าได้เฉลี่ยราว 6 ดวงต่อชั่วโมง ดาวตกที่สว่างมาก ๆ เรียกว่าลูกไฟ (fireball)
เส้นทางที่สะเก็ดดาวจำนวนมากเคลื่อนที่เป็นสายไปในแนวเดียวกันในอวกาศเรียกว่าธารสะเก็ดดาว(meteoroid stream) แรงโน้มถ่วงของวัตถุต่าง ๆ ในระบบสุริยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวเคราะห์ ส่งผลรบกวนต่อธารสะเก็ดดาว เมื่อโลกเดินทางฝ่าเข้าไปในธารสะเก็ดดาว ซึ่งเกิดขึ้นหลายช่วงของปี จะทำให้เห็นดาวตกหลายดวงดูเหมือนพุ่งออกมาจากบริเวณเดียวกันบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นมุมมองในเชิงทัศนมิติ ลักษณะเดียวกับที่เราเห็นรางรถไฟบรรจบกันที่ขอบฟ้า เรียกปรากฏการณ์ที่เห็นดาวตกดูเหมือนพุ่งมาจากจุดเดียวกันนี้ว่าฝนดาวตก (meteor shower) ในรอบปีมีฝนดาวตกหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีลักษณะและจำนวนความถี่แตกต่างกันตามแต่องค์ประกอบและความเร็วของสะเก็ดดาว ฝนดาวตกบางกลุ่มอาจมีเพียงไม่กี่ดวงต่อชั่วโมง แต่ก็ยังก็เรียกว่าฝนดาวตก
ดาวตกจากฝนดาวตกสามารถปรากฏในบริเวณใดก็ได้ทั่วท้องฟ้าแต่เมื่อลากเส้นย้อนไปตามแนวของดาวตก จะไปบรรจบกันที่จุดหนึ่ง เราเรียกจุดนั้นว่าจุดกระจายฝนดาวตก (radiant) ชื่อฝนดาวตกมักตั้งตามกลุ่มดาวหรือดาวฤกษ์ที่อยู่บริเวณใกล้จุดกระจาย แสงจันทร์และแสงจากตัวเมืองเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสังเกตดาวตก จึงควรหาสถานที่ที่ฟ้ามืด ยิ่งฟ้ามืดก็จะยิ่งมีโอกาสเห็นดาวตกมากขึ้น
บางปีฝนดาวตกจะมีอัตราตกสูงเป็นพิเศษ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อโลกโคจรผ่านธารสะเก็ดดาวในส่วนที่มีสะเก็ดดาวอยู่หนาแน่น ปัจจุบัน วิธีการพยากรณ์ว่าจะมีฝนดาวตกที่มีอัตราตกสูงมากเมื่อใด กระทำโดยสร้างแบบจำลองทำนายการเคลื่อนที่ของสะเก็ดดาว แล้วคำนวณว่าโลกจะมีเส้นทางผ่านธารสะเก็ดดาวนั้นเมื่อใด
หมายเหตุ
●คอลัมน์ "คืนที่มีมากที่สุด" เครื่องหมายทับ (/) ใช้คั่นคืนวันแรกกับเช้ามืดของอีกวันหนึ่ง เช่น 3/4 หมายถึงคืนวันที่ 3 ถึงเช้ามืดวันที่ 4
●ตัวเลขอัตราตกสูงสุดในประเทศไทยคิดผลจากแสงจันทร์รบกวนแล้ว แต่ยังไม่คิดผลจากมลพิษทางแสง การสังเกตดาวตกในเมืองใหญ่จะมีจำนวนดาวตกลดลงจากตัวเลขในตารางนี้หลายเท่า
●การคาดหมายอัตราตกของดาวตกอาศัยข้อมูลตัวเลขจากปรากฏการณ์ในอดีต ควรใช้เป็นแนวทางคร่าว ๆ เท่านั้น เพราะมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้
●ดัดแปลงจากข้อมูลฝนดาวตกโดย International Meteor Organization (IMO) และ Meteor Shower Flux Estimator โดย Peter Jenniskens
ฝนดาวตกควอดแดรนต์
ฝนดาวตกควอดแดรนต์มีจำนวนสูงสุดราววันที่3-4 มกราคม ของทุกปี จุดกระจายอยู่บริเวณตรงกลางระหว่างกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส คนเลี้ยงสัตว์ และมังกร บริเวณที่สังเกตฝนดาวตกกลุ่มนี้ได้ดีที่สุดคือประเทศในละติจูดสูง ๆ ของซีกโลกเหนือ อัตราตกสูงสุดอาจมากถึง 120 ดวงต่อชั่วโมง (แปรผันได้ระหว่าง 60-200) แต่ธารสะเก็ดดาวค่อนข้างแคบ โลกจึงผ่านส่วนที่หนาแน่นที่สุดในเวลาสั้น ๆ
นอกจากปีนี้จะมีแสงจันทร์รบกวนแล้วประเทศไทยไม่อยู่ในจังหวะเวลาที่เหมาะสำหรับการดูฝนดาวตกกลุ่มนี้ คาดว่าเช้ามืดวันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2556 จะมีอัตราตกสูงสุดเพียง 4 ดวงต่อชั่วโมง
ฝนดาวตกพิณ
ฝนดาวตกพิณมีอัตราตกสูงสุดราววันที่21-22 เมษายน ของทุกปี อยู่ที่ประมาณ 18 ดวงต่อชั่วโมง (เคยสูงถึง 90 ในช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อ พ.ศ. 2525) สำหรับประเทศไทย สังเกตได้ 2 คืน คือในคืนวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน และวันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2556 จุดกระจายขึ้นเหนือขอบฟ้าในเวลา 4 ทุ่ม เวลาที่มีโอกาสเห็นดาวตกได้มากที่สุดคือช่วงตี 3 – ตี 5 ของเช้ามืดวันจันทร์และอังคาร ด้วยอัตรา 10-15 ดวงต่อชั่วโมง
ฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำ(Eta Aquariids อักษรย่อ ETA)
ฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำมีจุดกระจายอยู่ใกล้ดาวอีตา (eta) ในกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ เกิดจากดาวหางแฮลลีย์ (1P/Halley) มีอัตราตกสูงสุดราววันที่ 5-7 พฤษภาคม ที่ 70 ดวงต่อชั่วโมง (แปรผันได้ระหว่าง 40-85)
ธารสะเก็ดดาวของฝนดาวตกกลุ่มนี้ค่อนข้างกว้างจึงสังเกตได้หลายวัน ปีนี้ดวงจันทร์เคลื่อนอยู่บริเวณกลุ่มดาวนี้ในเช้ามืดวันที่ 5 พฤษภาคม แต่เป็นปลายข้างแรม ดวงจันทร์เป็นเสี้ยว อาจรบกวนบ้าง แต่ไม่มากนัก สำหรับประเทศไทย จุดกระจายขึ้นมาเหนือขอบฟ้าในเวลาตี 2 เวลาที่มีโอกาสเห็นดาวตกได้มากที่สุดคือช่วงก่อนฟ้าสาง
คาดหมายจำนวนดาวตกในช่วงตี4 – ตี 5 ในกรณีที่ท้องฟ้าเปิดโล่งทุกทิศ ไร้เมฆ และห่างไกลจากแสงไฟฟ้าในเมืองรบกวนดังนี้ :- วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม : 15-25 ดวง, วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม : 20-35 ดวง, วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม : 20-35 ดวง, วันพุธที่ 8 พฤษภาคม : 20-30 ดวง, วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม : 15-30 ดวง, วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม : 15-25 ดวง
ฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้
ฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้มีอัตราตกสูงสุดราววันที่29-30 กรกฎาคม ของทุกปี โดยอยู่ที่ประมาณ 16 ดวงต่อชั่วโมง เกิดจากดาวหางมัคโฮลซ์ (96P/Machholz) ซึ่งมีคาบ 5 ปี ค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2529 เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ล่าสุดเมื่อ พ.ศ. 2555 ดาวตกจากฝนดาวตกกลุ่มนี้มีความสว่างน้อย เมื่อเทียบกับฝนดาวตกกลุ่มหลักกลุ่มอื่น ๆ
ปีนี้สังเกตในช่วงที่ตกสูงสุดได้2 คืน คือวันจันทร์ที่ 29 และวันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2556 แต่แสงจันทร์จะรบกวนหลังเที่ยงคืน จุดกระจายดาวตกขึ้นเหนือขอบฟ้าในเวลาประมาณ 3 ทุ่ม หากท้องฟ้าเปิด คาดว่าจะเห็นดาวตกได้สูงสุดราว 10 ดวง ในระหว่างเที่ยงคืนถึงตี 1
ฝนดาวตกเพอร์ซิอัส(Perseids อักษรย่อ PER)
ฝนดาวตกเพอร์ซิอัสหรือฝนดาวตกวันแม่เป็นฝนดาวตกที่มีชื่อเสียงในประเทศตะวันตก
เส้นทางที่สะเก็ดดาวจำนวนมากเคลื่อนที่เป็นสายไปในแนวเดียวกันในอวกาศเรียกว่าธารสะเก็ดดาว
ดาวตกจากฝนดาวตกสามารถปรากฏในบริเวณใดก็ได้ทั่วท้องฟ้า
บางปี
ฝนดาวตก | ช่วงที่ตก | คืนที่มีมากที่สุด | เวลาที่เริ่มเห็น | อัตราสูงสุดในประเทศไทย | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
ควอดแดรนต์ | 28 | 3/4 | 02:00 | 4 | แสงจันทร์รบกวน |
พิณ | 16-25 | 22/23 | 22:00 | 10-15 | แสงจันทร์รบกวนก่อนตี |
อีตาคนแบกหม้อน้ำ | 19 | 5/6/7 | 02:00 | 35 | - |
เดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้ | 12 | 29/30 | 21:00 | 10 | แสงจันทร์รบกวนหลังเที่ยงคืน |
เพอร์ซิอัส | 17 | 12/13 | 22:30 | 60 | - |
นายพราน | 2 | 21/22 | 22:30 | 8 | แสงจันทร์รบกวน |
สิงโต | 6-30 | 15/16/17 | 00:30 | 10-15 | แสงจันทร์รบกวนก่อนตี |
คนคู่ | 7-17 | 13/14 | 20:00 | 60-70 | แสงจันทร์รบกวนก่อนตี |
หมายเหตุ
●
●
●
●
ฝนดาวตกควอดแดรนต์ (Quadrantids อักษรย่อ QUA)
ฝนดาวตกควอดแดรนต์มีจำนวนสูงสุดราววันที่
นอกจากปีนี้จะมีแสงจันทร์รบกวนแล้ว
ฝนดาวตกพิณ (Lyrids อักษรย่อ LYR)
ฝนดาวตกพิณมีอัตราตกสูงสุดราววันที่
ฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำ
ฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำ
ธารสะเก็ดดาวของฝนดาวตกกลุ่มนี้ค่อนข้างกว้าง
คาดหมายจำนวนดาวตกในช่วงตี
ฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้ (Southern Delta-Aquariids อักษรย่อ SDA)
ฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้มีอัตราตกสูงสุดราววันที่
ปีนี้สังเกตในช่วงที่ตกสูงสุดได้
ฝนดาวตกเพอร์ซิอัส
ฝนดาวตกเพอร์ซิอัสหรือฝนดาวตกวันแม่