ดาวอังคารใกล้โลก 2548
หากท่านผู้อ่านยังจำได้ ดาวอังคารได้เข้าใกล้โลกมากเป็นพิเศษเมื่อ 2 ปีก่อน ใกล้ที่สุดในรอบเกือบ 60,000 ปี ส่วนในปีนี้ดาวอังคารจะใกล้โลกอีกครั้ง แต่ใกล้กันด้วยระยะห่างมากกว่าครั้งก่อน อย่างไรก็ตาม ดาวอังคารก็ยังมีความสว่างมากและมีขนาดใหญ่กว่าปกติเมื่อดูด้วยกล้องโทรทรรศน์
วันที่ดาวอังคารใกล้โลกมากที่สุดตรงกับคืนวันที่ 29 ต่อเช้าวันที่ 30 ตุลาคม 2548 ใกล้กันด้วยระยะห่าง 69.4 ล้านกิโลเมตร จากนั้นอีก 1 สัปดาห์ ดาวอังคารจะทำมุม 180 องศากับดวงอาทิตย์ แม้ว่าวันที่ดาวอังคารใกล้โลกที่สุดจะตรงกับวันที่ 30 ตุลาคม แต่หากเทียบขนาดของดาวอังคารในวันนั้นกับกลางเดือนตุลาคมและกลางเดือนพฤศจิก ายน ดาวอังคารมีขนาดไม่ต่างกันมากนักเมื่อดูด้วยกล้องโทรทรรศน์ ดังนั้นวันที่ดูดาวอังคารได้ดีที่สุดจึงไม่ใช่วันที่ดาวอังคารใกล้โลกที่สุด แต่เป็นวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใส โดยเฉพาะในช่วงระหว่าง 15 วันก่อนและหลังวันที่ใกล้โลกที่สุด
นักดาราศาสตร์ใช้โอกาสนี้ในการสังเกตร่องรอยและปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวดาวอังคารด้วยกล้องโทรทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูงพอสมควร กล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3-4 นิ้วร่วมกับเลนส์ตาที่มีคุณภาพดีก็เพียงพอสำหรับดูดาวอังคาร นักดาราศาสตร์ที่เฝ้าดูดาวเคราะห์ส่วนใหญ่พอใจกับกล้องโทรทรรศน์หักเหแสงมากกว่าที่จะใช้กล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสง เนื่องจากภาพที่ได้จากกล้องโทรทรรศน์หักเหแสงซึ่งมีเลนส์เป็นองค์ประกอบหลักจะให้ภาพที่คมชัดกว่าภาพที่ได้จากกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสง ขณะเดียวกันกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงแบบนิวตันและแคสซิเกรนก็ได้รับความนิยมรองลงมา
ในการสังเกตดาวอังคารด้วยกล้องโทรทรรศน์นั้นนักดาราศาสตร์แนะนำว่า ให้เริ่มใช้เลนส์ตาที่มีกำลังขยายต่ำก่อน เพื่อสามารถส่องดูดาวอังคารให้อยู่กลางขอบเขตของภาพ แล้วเปลี่ยนเลนส์ตาให้มีกำลังขยายมากขึ้นจนอยู่ที่ประมาณ 20-25 เท่าของขนาดหน้ากล้องในหน่วยนิ้ว เช่น กล้องโทรทรรศน์ขนาด 3 นิ้ว ให้ใช้กำลังขยายเริ่มต้นที่ประมาณ 60 เท่า เป็นต้น จากนั้นลองเพิ่มกำลังขยายขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ จนเริ่มที่จะมองเห็นรายละเอียดบนพื้นผิวของดาวอังคารไม่ชัดเจน จากนั้นลดกำลังขยายลงหนึ่งขั้น เพื่อให้ได้กำลังขยายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการดูดาวอังคารด้วยกล้องโทรทรรศน์
หลังจากผ่านตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์แล้วดาวอังคารจะออกห่างจากโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังสามารถมองเห็นได้ในท้องฟ้าเวลากลางคืนต่อไปอีก 11 เดือน ก่อนที่ดาวอังคารจะเข้าไปอยู่ในแสงจ้าของดวงอาทิตย์
ร่องรอยบนดาวอังคาร
สิ่งที่เด่นชัดที่สุดบนพื้นผิวของดาวอังคารคือ น้ำแข็งที่ปกคลุมบริเวณขั้วเหนือและใต้ ซึ่งปีนี้ดาวอังคารจะหันขั้วใต้เข้าหาโลกในช่วงเวลาที่ใกล้โลกที่สุด แกนหมุนของดาวอังคารทำมุมเอียงประมาณ 25 องศากับระนาบวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ ดาวอังคารจึงมีฤดูกาลคล้ายกับโลก และในช่วงเวลานี้ก็เป็นเวลาที่ซีกใต้ของดาวอังคารเข้าสู่ฤดูร้อน น้ำแข็งที่ขั้วใต้จึงกำลังระเหิดและมีขนาดเล็กลง ตรงข้ามกับซีกเหนือที่อยู่ในฤดูหนาว ปัจจุบันขั้วเหนือของดาวอังคารมีน้ำแข็งปกคลุมมากกว่าแต่มองไม่เห็นหรือเห็นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากขั้วเหนือกำลังหันออกไปในทิศตรงข้าม
เมื่อน้ำแข็งขั้วใต้เปลี่ยนสถานะเป็นแก๊สดาวอังคารจะมีเมฆหมอกและพายุปกคลุมเพิ่มมากขึ้น ที่ผ่านมา นักดาราศาสตร์มักพบว่ามีเมฆสีขาวของผลึกน้ำแข็งเกิดขึ้นบนส่วนที่เป็นภูเขาสูงของดาวอังคาร ปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยาที่สำคัญคือพายุฝุ่น ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าพายุจะเกิดขึ้นเมื่อใด และไม่สามารถพยากรณ์ได้ล่วงหน้า แต่เราจะเห็นพื้นผิวดาวอังคารได้ยากขึ้น หากเกิดพายุฝุ่นอย่างที่เกิดในปี พ.ศ. 2544 เมื่อการใกล้โลกของดาวอังคารที่เกิดขึ้นในปีนี้ผ่านพ้นไป ดาวอังคารจะไม่ใกล้โลกเท่านี้อีกจนกว่าจนถึงปี พ.ศ. 2561
วันที่ดาวอังคารใกล้โลกมากที่สุด
นักดาราศาสตร์ใช้โอกาสนี้ในการสังเกตร่องรอยและปรากฏการณ์ต่าง
ในการสังเกตดาวอังคารด้วยกล้องโทรทรรศน์นั้น
หลังจากผ่านตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์แล้ว
ร่องรอยบนดาวอังคาร
สิ่งที่เด่นชัดที่สุดบนพื้นผิวของดาวอังคาร
เมื่อน้ำแข็งขั้วใต้เปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส