เมื่อถึงกลางเดือนธันวาคมของทุกปี นักดูดาวทั่วโลกจะเตรียมออกไปสู่ลานกว้างและมืดมิด เพื่อเฝ้าชมฝนดาวตกคนคู่ ฝนดาวตกคนคู่มีชื่อเสียงมาจากการที่ให้เส้นดาวตกที่สว่าง เร็ว และเป็นฝนดาวตกที่ตกชุกในอันดับต้น ๆ ของปี
ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของฝนดาวตกคนคู่ก็คือวัตถุต้นกำเนิด ในขณะที่ฝนดาวตกเกือบทั้งหมดมีต้นกำเนิดมาจากธารสะเก็ดดาวของดาวหาง ต้นกำเนิดของฝนดาวตกคนคู่กลับไม่ใช่ดาวหาง แต่เป็นวัตถุที่มีชื่อว่า 3200 เฟทอน (3200 Phaethon) ดาวเทียมไอแรสของนาซาค้นพบวัตถุดวงนี้ใน พ.ศ.2526 เฟทอนมีลักษณะคล้ายดาวเคราะห์น้อย โคจรรอบดวงอาทิตย์ครบรอบทุก 1.4 ปี ซึ่งคล้ายกับดาวหาง แต่วัตถุดวงนี้ไม่ทอดหางออกมา นั่นย่อมหมายความว่าไม่มีฝุ่นออกมาเติมเนื้อสารให้แก่ธารสะเก็ดดาวของฝนดาวตกคนคู่
นักดาราศาสตร์คณะหนึ่งนำโดยเดวิดจีวิตต์ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ณ ลอสแองเจลีส ได้ใช้ยานแฝดสเตอริโอของนาซาสำรวจ 3200 เฟทอนในระยะใกล้ในช่วงที่วัตถุดวงนี้ผ่านเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ในปี 2553 ยานสเตอริโอได้ตรวจพบว่าเฟทอนมีความสว่างเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าขณะที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ คล้ายกับว่าเกิดจากการที่แสงอาทิตย์ส่องทะลุชั้นเมฆฝุ่นที่หุ้มดาวเคราะห์น้อยอยู่ นักดาราศาสตร์เริ่มสงสัยตั้งแต่บัดนั้นแล้วว่าดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ไม่ใช่ดาวเคราะห์น้อยธรรมดาแน่ ๆ
การสำรวจในเวลาต่อมาโดยยานสเตอริโอโดยคณะของจีวิตและคณะจากสถาบันมักซ์พลังค์ ได้ตรวจพบหางขนาดเล็กที่วัตถุหินก้อนนี้ด้วย
ซึ่งเป็นการยืนยันได้ว่าดาวเคราะห์น้อยหินก็มีหางได้แต่เป็นหางฝุ่น
นักดาราศาสตร์เรียกวัตถุจำพวกเดียวกับ3200 เฟทอนว่า "ดาวหางหิน" เป็นดาวเคราะห์น้อยที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากจนความร้อนทำให้พ่นฝุ่นออกมาจากพื้นผิว และทอดยาวออกไปเป็นหางเช่นเดียวกับดาวหาง
คณะของจีวิตเชื่อว่าฝุ่นเกิดขึ้นเพราะพื้นผิวของดาวเคราะห์น้อยแตกออกเนื่องจากความร้อน คล้ายกับแผ่นโคลนท้องบึงที่แตกระแหงเป็นเกล็ดเมื่อน้ำแห้ง
การพบหางขนาดเล็กของ3200 เฟทอน ในครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่าวัตถุดวงนี้เป็นวัตถุต้นกำเนิดของฝนดาวตกคนคู่จริง แต่ปริศนาของฝนดาวตกคนคู่ยังไม่หมด เพราะยังมีคำถามใหม่เกิดขึ้นมาอีกว่า หางขนาดเล็กอย่างนั้นจะทำให้เกิดฝนดาวตกระดับดาวเด่นประจำปีอย่างคนคู่ได้อย่างไร
นักดาราศาสตร์ประเมินปริมาณของสสารที่พ่นออกมาทางหางของ3200 เฟทอนโดยอาศัยข้อมูลจากสเตอริโอได้ว่า มีมวลประมาณ 30,000 กิโลกรัม ปริมาณนี้อาจฟังดูมาก แต่ยังถือว่าน้อยเกินกว่าจะเป็นแหล่งวัตถุดิบถาวรที่จะป้อนให้แก่ฝนดาวตกคนคู่ได้
ต่อประเด็นนี้เดวิด จีวิต สันนิษฐานว่า เฟทอนอาจเคยเกิดการปะทุครั้งใหญ่มาก่อน เหมือนฟืนในกองไฟที่มีการปะทุเป็นระยะ
ดังนั้นการจะไขปัญหานี้ได้ นักวิทยาศาสตร์จะต้องให้สเตอริโอเฝ้าติดตามเฟทอนต่อไป เพื่อสังเกตว่ามีการปะทุขึ้นบ้างหรือไม่
ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของฝนดาวตกคนคู่ก็คือ
นักดาราศาสตร์คณะหนึ่งนำโดยเดวิด
การสำรวจในเวลาต่อมาโดยยานสเตอริโอ
ซึ่งเป็นการยืนยันได้ว่าดาวเคราะห์น้อยหินก็มีหางได้
นักดาราศาสตร์เรียกวัตถุจำพวกเดียวกับ
คณะของจีวิตเชื่อว่า
การพบหางขนาดเล็กของ
นักดาราศาสตร์ประเมินปริมาณของสสารที่พ่นออกมาทางหางของ
ต่อประเด็นนี้
ดังนั้น