วันที่ 10 สิงหาคม องค์การนาซาได้รายงานว่า ได้เกิดปัญหาร้ายแรงขึ้นกับกลไกการยืดสายอากาศกำลังสูง (high-gain antenna) ของยานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์ ปัญหานี้อาจทำให้ต้องยืดช่วงเวลาทำงานของยานให้ช้าไปอีกถึง 9 เดือน และมีผลต่อข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่จะส่งกลับมายังโลกอีกด้วย 

วิศวกรเชื่อว่าอาจเป็นเพราะมีฟองอากาศเกิดขึ้นในของเหลวในแดมเปอร์ที่อยู่ในสปริง สำหรับเหยียดสายอากาศ ซึ่งอยู่ที่ปลายของแขนยาว 2 เมตร ฟองอากาศดังกล่าวจะทำให้แขนเหยียดออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ตัวแดมเปอร์หน่วงไว้ไม่ทัน เหตุการณ์นี้อาจส่งผลถึงให้สายอากาศเสียหายหรือถึงขั้นใช้การไม่ได้ 

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ก็ยังสามารถใช้งานสายอากาศนี้อยู่โดยพับอยู่ที่ด้านข้างของยาน เมื่อยานต้องการติดต่อกับโลก จะต้องหันยานเพื่อให้รับส่งสัญญาณได้ การทำงานลักษณะนี้ทำให้การสำรวจมีการหยุดชะงัก 

วิศวกรวางแผนที่จะเริ่มใช้งานแขนสายอากาศนี้ในเดือนมีนาคม 2542 เป็นเวลาที่ยานได้สิ้นสุดการปรับวงโคจรโดยการใช้แรงเสียดสีกับบรรยากาศของดาวอังคาร หากแขนสายอากาศสามารถเหยียดออกได้อย่างถูกต้อง จะทำให้ยานสามารถติดต่อกับโลกพร้อม ๆ กับสำรวจดาวอังคารได้อย่างต่อเนื่อง 

ขณะนี้ทีมงานของมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์กำลังพิจารณาการยืดเวลาการใช้งานสายอากาศนี้ บางทีอาจต้องยืดไปเป็นหลังเดือนธันวาคม 2542 ซึ่งเป็นเวลาที่ยาน มาร์สโพลาร์แลนเดอร์ กับ ดีปสเปซ 2 ลงจอดบนดาวอังคาร ยานดีปสเปซ 2 จะเป็นยานที่ต้องพึ่งพายานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์ในการติดต่อสื่อสารกับโลก 

สายอากาศนี้จะยังไม่ถูกสั่งให้ยืดออกจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2542 และในขณะนี้ทางทีมงานของมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์ยังไม่ตัดสินใจแน่ชัดว่าจะดำเนินการอย่างไรกับปัญหานี้ แต่ถ้าหากสายอากาศนี้ยังยืดออกไม่ได้จนถึงเดือนมีนาคม 2542 ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์บางส่วนอาจจะส่งกลับมายังโลกไม่ได้ 

เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ใช่ปัญหาแรกที่เกิดขึ้นกับมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์ ในขั้นตอนการปรับวงโคจรด้วยแรงเสียดทานของบรรยากาศต้องเคยเลื่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว เนื่องจากบานพับของแผงสุริยะตัวหนึ่งเสียหาย ทำให้ทิศทางของยานเปลี่ยนไปจากที่คาดการณ์ไว้ ปัญหาในครั้งนั้นถูกแก้ไขโดยการเลื่อนการปรับวงโคจรออกไป 1 ปี และจะสิ้นสุดการปรับวงโคจรในเดือนมีนาคม 2542