ฝนดาวตกในปี 2561
ดาวตกเกิดจากสะเก็ดดาว (meteoroid) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของดาวหางและดาวเคราะห์น้อย เคลื่อนเข้าสู่บรรยากาศโลก หากสังเกตจากสถานที่ซึ่งท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีเมฆหมอก แสงจันทร์ และแสงไฟฟ้ารบกวน โดยทั่วไปสามารถมองเห็นดาวตกบนท้องฟ้าได้เฉลี่ยราว 6 ดวงต่อชั่วโมง ดาวตกที่สว่างมากเรียกว่าลูกไฟ (fireball) หากระเบิดเรียกว่าดาวตกชนิดระเบิด (bolide) ซึ่งบางครั้งก่อให้เกิดเสียงดัง
เส้นทางที่สะเก็ดดาวจำนวนมากเคลื่อนที่เป็นสายไปในแนวเดียวกันในอวกาศเรียกว่าธารสะเก็ดดาว(meteoroid stream) แรงโน้มถ่วงของวัตถุต่าง ๆ ในระบบสุริยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวเคราะห์ ส่งผลรบกวนต่อธารสะเก็ดดาว เมื่อโลกเดินทางฝ่าเข้าไปในธารสะเก็ดดาว ซึ่งเกิดขึ้นหลายช่วงของปี จะทำให้เห็นดาวตกหลายดวงดูเหมือนพุ่งออกมาจากบริเวณเดียวกันบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นมุมมองในเชิงทัศนมิติ ลักษณะเดียวกับที่เราเห็นรางรถไฟบรรจบกันที่ขอบฟ้า เรียกปรากฏการณ์ที่เห็นดาวตกดูเหมือนพุ่งมาจากจุดเดียวกันนี้ว่าฝนดาวตก (meteor shower)
ในรอบปีมีฝนดาวตกหลายกลุ่มแต่ละกลุ่มมีลักษณะและจำนวนความถี่แตกต่างกันตามแต่องค์ประกอบและความเร็วของสะเก็ดดาว ฝนดาวตกบางกลุ่มอาจมีเพียงไม่กี่ดวงต่อชั่วโมง แต่ก็ยังเรียกว่าฝนดาวตก ดาวตกจากฝนดาวตกสามารถปรากฏในบริเวณใดก็ได้ทั่วท้องฟ้า แต่เมื่อลากเส้นย้อนไปตามแนวของดาวตก จะไปบรรจบกันที่จุดหนึ่ง เราเรียกจุดนั้นว่าจุดกระจาย (radiant) ชื่อฝนดาวตกมักตั้งตามกลุ่มดาวหรือดาวฤกษ์ที่อยู่บริเวณใกล้จุดกระจาย
ดาวตกจากฝนดาวตกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อจุดกระจายขึ้นมาอยู่เหนือขอบฟ้าแล้วฝนดาวตกแต่ละกลุ่มจึงมีช่วงเวลาที่เห็นได้แตกต่างกัน แสงจันทร์และแสงจากตัวเมืองเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสังเกตดาวตก จึงควรหาสถานที่ซึ่งท้องฟ้ามืด ยิ่งฟ้ามืดก็จะยิ่งมีโอกาสเห็นดาวตกได้มากขึ้น อัตราตกของฝนดาวตกมักสูงสุดในช่วงที่จุดกระจายอยู่สูงบนท้องฟ้า จึงควรเลือกเวลาสังเกตให้ใกล้เคียงกับช่วงที่ตำแหน่งของจุดกระจายอยู่สูงสุด ซึ่งสามารถหาได้จากการหมุนแผนที่ฟ้า หรือซอฟต์แวร์จำลองท้องฟ้า หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีแสงจันทร์รบกวน และสังเกตก่อนที่ท้องฟ้าจะสว่างในเวลาเช้ามืด
บางปีฝนดาวตกบางกลุ่มจะมีอัตราตกสูงเป็นพิเศษ เกิดขึ้นเมื่อโลกโคจรผ่านธารสะเก็ดดาวในส่วนที่มีสะเก็ดดาวอยู่หนาแน่น ปัจจุบัน วิธีการพยากรณ์ว่าจะมีฝนดาวตกที่มีอัตราตกสูงมากเมื่อใด กระทำโดยสร้างแบบจำลองทำนายการเคลื่อนที่ของสะเก็ดดาว แล้วคำนวณว่าโลกจะมีเส้นทางผ่านธารสะเก็ดดาวนั้นเมื่อใด
- คอลัมน์ "คืนที่มีมากที่สุด" เครื่องหมายทับ (/) ใช้คั่นคืนวันแรกกับเช้ามืดของอีกวันหนึ่ง เช่น 3/4 หมายถึงคืนวันที่ 3 ถึงเช้ามืดวันที่ 4
- จุดกระจายของฝนดาวตกควอดแดรนต์อยู่ทางทิศเหนือของกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ (ค่อนไปทางกลุ่มดาวมังกร)
- ข้อมูลฝนดาวตกโดยทั่วไปบอกอัตราตกสูงสุดที่จุดจอมฟ้า (Zenithal Hourly Rate : ZHR) ซึ่งหมายถึงอัตราตกเมื่อจุดกระจายอยู่ที่จุดเหนือศีรษะ และท้องฟ้ามืดจนเห็นดาวจางที่สุดด้วยโชติมาตร 6.5 ในการสังเกตการณ์จริง มุมเงยของจุดกระจายและอัตราตกสูงสุดที่จุดจอมฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงตามเวลา ตัวเลขอัตราตกสูงสุดในตารางนี้ได้คำนวณสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ โดยคำนึงถึงมุมเงยของจุดกระจายและผลจากแสงจันทร์รบกวนซึ่งทำให้ท้องฟ้าไม่มืดสนิท ในวงเล็บคือชั่วโมงที่คาดว่าตกสูงสุด หรือช่วงเวลาที่มีโอกาสเห็นดาวตกจำนวนมากที่สุดหากไม่มีเมฆบัง
- นอกจากเมฆ มลพิษทางแสงเป็นอุปสรรคสำคัญในการเห็นดาวตก การสังเกตดาวตกในเมืองใหญ่จะมีจำนวนดาวตกลดลงจากตัวเลขในตารางนี้หลายเท่า
- การคาดหมายอัตราตกของฝนดาวตกอาศัยข้อมูลตัวเลขจากปรากฏการณ์ในอดีต ควรใช้เป็นแนวทางคร่าว ๆ เท่านั้น เพราะมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้
- ใช้ข้อมูลฝนดาวตกจาก International Meteor Organization (IMO) และ Meteor Shower Flux Estimator โดย Peter Jenniskens
เส้นทางที่สะเก็ดดาวจำนวนมากเคลื่อนที่เป็นสายไปในแนวเดียวกันในอวกาศเรียกว่าธารสะเก็ดดาว
ในรอบปีมีฝนดาวตกหลายกลุ่ม
ดาวตกจากฝนดาวตกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อจุดกระจายขึ้นมาอยู่เหนือขอบฟ้าแล้ว
บางปี
ฝนดาวตก | ช่วงที่ตก | คืนที่มีมากที่สุด | เวลาที่จุดกระจายขึ้นเหนือขอบฟ้า | อัตราตกสูงสุดในประเทศไทย | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
ควอดแดรนต์ | 28 | 3/4 | 02:00 | 15 | แสงจันทร์รบกวน |
พิณ | 16-25 | 22/23 | 22:00 | 15 | แสงจันทร์รบกวนก่อนเที่ยงคืน |
อีตาคนแบกหม้อน้ำ | 19 | 5/6/7 | 02:00 | 15 | แสงจันทร์รบกวน |
เดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้ | 12 | 29/30/31 | 21:00 | 5 | แสงจันทร์รบกวน |
เพอร์ซิอัส | 17 | 12/13 | 22:30 | 70 | - |
นายพราน | 2 | 21/22 | 22:30 | 20 | แสงจันทร์รบกวนก่อนตี |
สิงโต | 6-30 | 17/18 | 00:30 | 15 | แสงจันทร์รบกวนก่อนตี |
คนคู่ | 4-17 | 14/15 | 20:00 | 75 | แสงจันทร์รบกวนก่อนเที่ยงคืน |
หมายเหตุ
- ใช้ข้อมูลฝนดาวตกจาก International Meteor Organization (IMO) และ Meteor Shower Flux Estimator โดย Peter Jenniskens