สมาคมดาราศาสตร์ไทย

ฝนดาวตกในปี 2567

ฝนดาวตกในปี 2567

25 ธันวาคม 2566 โดย: วรเชษฐ์ บุญปลอด
ดาวตกเกิดจากสะเก็ดดาว ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของดาวหางและดาวเคราะห์น้อย เคลื่อนเข้าสู่บรรยากาศโลก หากสังเกตจากสถานที่ซึ่งท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีเมฆหมอก แสงจันทร์ และแสงไฟฟ้ารบกวน โดยทั่วไปสามารถมองเห็นดาวตกบนท้องฟ้าได้เฉลี่ยราว ดวงต่อชั่วโมง ดาวตกที่สว่างมากเรียกว่าลูกไฟ (fireball) หากระเบิดเรียกว่าดาวตกชนิดระเบิด (bolide) ซึ่งบางครั้งก่อให้เกิดเสียงดัง

ดาวตกปรากฏในภาพถ่ายที่เปิดหน้ากล้องนาน 20 วินาที (จาก NASA/Bill Dunford)

เส้นทางที่สะเก็ดดาวจำนวนมากเคลื่อนที่เป็นสายไปในแนวเดียวกันในอวกาศเรียกว่าธารสะเก็ดดาว (meteoroid stream) แรงโน้มถ่วงของวัตถุต่าง ๆ ในระบบสุริยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวเคราะห์ ส่งผลรบกวนต่อธารสะเก็ดดาว เมื่อโลกเดินทางฝ่าเข้าไปในธารสะเก็ดดาว ซึ่งเกิดขึ้นหลายช่วงของปี จะทำให้เห็นดาวตกหลายดวงดูเหมือนพุ่งออกมาจากบริเวณเดียวกันบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นมุมมองในเชิงทัศนมิติ ลักษณะเดียวกับที่เราเห็นรางรถไฟบรรจบกันที่ขอบฟ้า เรียกปรากฏการณ์ที่เห็นดาวตกดูเหมือนพุ่งมาจากจุดเดียวกันนี้ว่าฝนดาวตก (meteor shower)

ฝนดาวตกคนคู่เมื่อ ค.ศ. 2007 (จาก Berkó Ernő Wikimedia Commons)

ในรอบปีมีฝนดาวตกหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีลักษณะและจำนวนความถี่แตกต่างกันตามแต่องค์ประกอบและความเร็วของสะเก็ดดาว ฝนดาวตกบางกลุ่มอาจมีเพียงไม่กี่ดวงต่อชั่วโมง แต่ก็ยังเรียกว่าฝนดาวตก ดาวตกจากฝนดาวตกสามารถปรากฏในบริเวณใดก็ได้ทั่วท้องฟ้า แต่เมื่อลากเส้นย้อนไปตามแนวของดาวตก จะไปบรรจบกันที่จุดหนึ่ง เราเรียกจุดนั้นว่าจุดกระจาย (radiant) ชื่อฝนดาวตกมักตั้งตามกลุ่มดาวหรือดาวฤกษ์ที่อยู่บริเวณใกล้จุดกระจาย

ดาวตกจากฝนดาวตกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อจุดกระจายขึ้นมาอยู่เหนือขอบฟ้าแล้ว ฝนดาวตกแต่ละกลุ่มจึงมีช่วงเวลาที่เห็นได้แตกต่างกัน แสงจันทร์และแสงจากตัวเมืองเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสังเกตดาวตก จึงควรหาสถานที่ซึ่งท้องฟ้ามืด ยิ่งฟ้ามืดก็จะยิ่งมีโอกาสเห็นดาวตกได้มากขึ้น อัตราตกของฝนดาวตกมักสูงสุดในช่วงที่จุดกระจายอยู่สูงบนท้องฟ้า จึงควรเลือกเวลาสังเกตให้ใกล้เคียงกับช่วงที่ตำแหน่งของจุดกระจายอยู่สูงสุด ซึ่งสามารถหาได้จากการหมุนแผนที่ฟ้า หรือซอฟต์แวร์จำลองท้องฟ้า หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีแสงจันทร์รบกวน และสังเกตก่อนที่ท้องฟ้าจะสว่างในเวลาเช้ามืด

บางปี ฝนดาวตกบางกลุ่มจะมีอัตราตกสูงเป็นพิเศษ เกิดขึ้นเมื่อโลกโคจรผ่านธารสะเก็ดดาวในส่วนที่มีสะเก็ดดาวอยู่หนาแน่น ปัจจุบัน วิธีการพยากรณ์ว่าจะมีฝนดาวตกที่มีอัตราตกสูงมากเมื่อใด กระทำโดยสร้างแบบจำลองทำนายการเคลื่อนที่ของสะเก็ดดาว แล้วคำนวณว่าโลกจะมีเส้นทางผ่านธารสะเก็ดดาวนั้นเมื่อใด

ฝนดาวตกในปี 2567
ฝนดาวตกช่วงที่ตกคืนที่มีมากที่สุดเวลาที่จุดกระจายขึ้นเหนือขอบฟ้าโดยประมาณ (เริ่มสังเกตได้)อัตราตกสูงสุดในประเทศไทย* (ดวง/ชั่วโมง) {*ไม่ใช่ ZHR}ดวงจันทร์
ควอดแดรนต์28 ธ.ค. 12 ม.ค. 3/4 ม.ค. 02:00 น. (5-6 น.)จันทร์กึ่งข้างแรม
พิณ16-25 เม.ย. 21/22 เม.ย. 22:00 น. 10 (4-5 น.)วันก่อนจันทร์เพ็ญ
อีตาคนแบกหม้อน้ำ19 เม.ย. 28 พ.ค. 5/6 พ.ค. 02:00 น. 30 (4-5 น.)วันก่อนจันทร์ดับ
เดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้12 ก.ค. 23 ส.ค. 29/30/31 ก.ค. 21:00 น. 20 (1-2 น.)จันทร์กึ่งข้างแรม
เพอร์ซิอัส17 ก.ค. 24 ส.ค. 12/13 ส.ค. 22:30 น. 65 (4-5 น.)จันทร์กึ่งข้างขึ้น
นายพรานต.ค. พ.ย. 21/22 ต.ค. 22:30 น. (4-5 น.)หลังจันทร์เพ็ญ วัน
สิงโต6-30 พ.ย. 16/17 พ.ย. 00:30 น. (5-6 น.)จันทร์เพ็ญ
คนคู่4-17 ธ.ค. 13/14 ธ.ค. 20:00 น. 90 (5:00-5:30 น.)วันก่อนจันทร์เพ็ญ


หมายเหตุ


    คอลัมน์ "คืนที่มีมากที่สุด" เครื่องหมายทับ (/) ใช้คั่นคืนวันแรกกับเช้ามืดของอีกวันหนึ่ง เช่น 3/4 หมายถึงคืนวันที่ ถึงเช้ามืดวันที่ 4
    ข้อมูลฝนดาวตกโดยทั่วไปบอกอัตราตกสูงสุดที่จุดจอมฟ้า (Zenithal Hourly Rate ZHR) ซึ่งหมายถึงอัตราตกเมื่อจุดกระจายอยู่ที่จุดเหนือศีรษะ และท้องฟ้ามืดจนเห็นดาวจางที่สุดด้วยโชติมาตร 6.5 ในการสังเกตการณ์จริง มุมเงยของจุดกระจายและอัตราตกสูงสุดที่จุดจอมฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงตามเวลา ตัวเลขอัตราตกสูงสุดในตารางนี้ได้คำนวณสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ โดยคำนึงถึงมุมเงยของจุดกระจายและผลจากแสงจันทร์รบกวนซึ่งทำให้ท้องฟ้าไม่มืดสนิท ในวงเล็บคือชั่วโมงที่คาดว่าตกสูงสุด หรือช่วงเวลาที่มีโอกาสเห็นดาวตกจำนวนมากที่สุดหากไม่มีเมฆบัง
    นอกจากเมฆ มลพิษทางแสงเป็นอุปสรรคสำคัญในการเห็นดาวตก การสังเกตดาวตกในเมืองใหญ่จะมีจำนวนดาวตกลดลงจากตัวเลขในตารางนี้หลายเท่า
    การคาดหมายอัตราตกของฝนดาวตกอาศัยข้อมูลตัวเลขจากปรากฏการณ์ในอดีต ควรใช้เป็นแนวทางคร่าว ๆ เท่านั้น เพราะมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้
    ฝนดาวตกควอดแดรนต์มีจุดกระจายอยู่บริเวณใกล้ส่วนหางของกลุ่มดาวหมีใหญ่หรือจระเข้ ส่วนฝนดาวตกกลุ่มอื่นมีจุดกระจายอยู่ในกลุ่มดาวชื่อเดียวกัน
    ใช้ข้อมูลฝนดาวตกจาก International Meteor Organization (IMO) และ Meteor Shower Flux Estimator โดย Peter Jenniskens

ฝนดาวตกคนคู่ (Geminids GEM)


       ฝนดาวตกคนคู่เป็นฝนดาวตกที่โดดเด่นที่สุดกลุ่มหนึ่งในรอบปีด้วยอัตราตกสูงสุดเกิน 100 ดวง/ชั่วโมง มักตกถี่ที่สุดในช่วงวันที่ 13-15 ธันวาคม ของทุกปี ตำแหน่งของจุดกระจายอยู่ใกล้ดาวคาสเตอร์ สำหรับประเทศไทย ปีนี้คาดว่าช่วงที่มีอัตราตกมากที่สุดจะเกิดขึ้นในเช้ามืดวันที่ 14 ธันวาคม 2567 ดวงจันทร์สว่างเกือบเต็มดวงจะรบกวนการสังเกตการณ์เกือบตลอดทั้งคืน มีช่วงเวลาสั้น ๆ ระหว่าง 05:00-05:30 น. ที่พอจะสังเกตได้โดยดวงจันทร์จะตกลับขอบฟ้าในเวลาประมาณตี เศษ ช่วงดังกล่าวอาจนับดาวตกโดยรวมได้ในหลักไม่กี่สิบดวง ซึ่งคิดเป็นอัตราประมาณ 90 ดวง/ชั่วโมง แต่ก็อาจเห็นได้น้อยกว่านี้ เนื่องจากเป็นช่วงใกล้รุ่ง

ดูเพิ่ม


 เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับอัตราดาวตกในฝนดาวตก