ยานแคสซีนีของนาซา ได้ประสบความสำเร็จในการถ่ายภาพฟ้าแลบบนดาวเสาร์ได้เป็นครั้งแรก
ไม่เพียงแต่ภาพถ่ายเท่านั้นยังมีเสียงซาวด์แทร็กประกอบอีกด้วย
ภาพถ่ายฟ้าแลบครั้งนี้ถ่ายขึ้นในเดือนสิงหาคม2552 ซึ่งอยู่ระหว่างที่เกิดพายุโหมกระหน่ำตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคม และเป็นฟ้าแลบที่เกิดขึ้นยาวนานยิ่งกว่าครั้งใดที่เคยพบในระบบสุริยะ
ยานแคสซีนีและยานวอยเอเจอร์ ต่างเคยตรวจพบสัญญาณวิทยุที่แผ่ออกมาจากพายุบนดาวเสาร์มาก่อน ซึ่งเป็นหลักฐานว่าเกิดฟ้าแลบขึ้น เช่นเดียวกับฟ้าแลบบนโลกก็ทำให้เกิดสัญญาณวิทยุ แต่การถ่ายภาพสายฟ้าแปลบปลาบบนดาวเสาร์กลับทำได้ไม่ง่ายนัก ตั้งแต่ที่ยานแคสซีนีไปถึงดาวเสาร์ในปี 2547 ดาวเสาร์ได้เอียงทำมุมกับระนาบโคจรมาก แสงอาทิตย์ที่สะท้อนวงแหวนมหึมาของดาวเสาร์ทำให้เกิดแสงจ้าขึ้นแม้แต่ในด้านมืดของดาวเสาร์ แต่ในช่วงปลายปี 2552 เป็นช่วงวิษุวัตของดาวเสาร์ ดาวเสาร์จะหันระนาบเส้นศูนย์สูตรไปทางดวงอาทิตย์พอดี แสงอาทิตย์จึงฉายถูกวงแหวนเฉพาะด้านข้างที่บางเฉียบเท่านั้น ทำให้ด้านกลางคืนของดาวเสาร์มืดสนิทอย่างที่นักดาราศาสตร์ต้องการ
จากภาพเคลื่อนไหวและสัญญาณวิทยุที่วัดได้นักดาราศาสตร์ทราบว่าฟ้าแลบบนดาวเสาร์มีพลังงานสูงใกล้เคียงกับฟ้าแลบครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นบนโลก แต่อย่างไรก็ตามฟ้าแลบบนดาวเสาร์เกิดขึ้นไม่บ่อยเท่ากับบนโลก โดยเฉลี่ยแล้วทั่วดาวเสาร์มีฟ้าแลบเกิดขึ้นเพียงหนึ่งแห่งในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่การเกิดแต่ละครั้งก็อาจยาวนานได้นับเดือน
สายฟ้าที่แลบครั้งนี้ทำให้บริเวณในรัศมี150 กิโลเมตรสว่างขึ้น และยังแสดงให้เห็นสายเมฆที่ยาวถึง 3,000 กิโลเมตร พาดผ่านบริเวณใกล้เคียง นักวิทยาศาสตร์ใช้ขนาดของบริเวณเรืองแสงนี้ในการวัดหาความลึกของฟ้าแลบใต้ชั้นเมฆ
นักดาราศาสตร์ได้ความรู้มากมายจากภาพแสงขาวของฟ้าแลบนี้ทั้งพลังงานของพายุ ตำแหน่งระดับความสูงที่เกิดพายุ และได้รู้ว่าความสว่างของแสงมีความสัมพันธ์กับพลังงานรวมของพายุฟ้าคะนองอย่างไร
ภารกิจแคสซีนีมีชื่อเต็มว่า แคสซีนี-ไฮเกนส์ เป็นโครงการร่วมระหว่างองค์การนาซา องค์การอีซา และองค์การอวกาศยุโรป
ไม่เพียงแต่ภาพถ่ายเท่านั้น
ภาพถ่ายฟ้าแลบครั้งนี้ถ่ายขึ้นในเดือนสิงหาคม
ยานแคสซีนี
จากภาพเคลื่อนไหวและสัญญาณวิทยุที่วัดได้
สายฟ้าที่แลบครั้งนี้ทำให้บริเวณในรัศมี
นักดาราศาสตร์ได้ความรู้มากมายจากภาพแสงขาวของฟ้าแลบนี้
ภารกิจแคสซีนี