ภารกิจแคสซีนีปิดฉากไปนานกว่าสี่ปีแล้ว แต่ข้อมูลมหาศาลที่ได้จากยานลำนี้ยังคงสร้างความตื่นตะลึงให้นักดาราศาสตร์ได้เสมอ
หนึ่งในการค้นพบสำคัญในภารกิจสำรวจดาวเสาร์และบริวารนี้คือยานแคสซีนีได้พบพู่ไอน้ำพ่นออกมาจากบริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์เอนเซลาดัส และเมื่อยานได้พุ่งผ่านพู่ไอน้ำนั้นก็ได้ตรวจพบว่ามีสารประกอบจำพวกไดไฮโดรเจน มีเทน และคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งคล้ายกับที่พบในปล่องแบบน้ำร้อน (hydrothermal vent) ใต้ทะเลบนโลก
ปริมาณของมีเทนที่พบทำให้นักชีววิทยานอกโลกให้ความสนใจเป็นพิเศษเพราะดูจะมากอย่างผิดสังเกต
มีเทนเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่เกิดขึ้นเองได้ทั้งจากกระบวนการทางธรณีเคมีซึ่งไม่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตและเกิดขึ้นได้จากสิ่งมีชีวิต แต่ในกรณีของมีเทนที่พบบนเอนเซลาดัสน่าสนใจ เพราะจนถึงปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ยังไม่พบว่ามีกระบวนการใดที่จะให้มีเทนออกมาได้ในปริมาณระดับนี้ได้ นั่นหมายความว่าอาจมีกระบวนการบางอย่างที่ยังไม่รู้จักกำลังสร้างมีเทนอยู่ เป็นไปได้ไหมว่ากระบวนการบางอย่างที่ว่านั้นเป็นกระบวนการทางชีวภาพ?
เอนเซลาดัสเป็นดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์เป็นหนึ่งในดินแดนพิศวงในระบบสุริยะของเรา มีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 500 กิโลเมตรซึ่งยังเล็กกว่าดวงจันทร์อีกหลายดวง แต่กลับเป็นวัตถุที่มีพลวัตมากที่สุดดวงหนึ่งในระบบสุริยะ ลึกลงไปใต้พื้นผิวที่เป็นน้ำแข็งคือมหาสมุทรบาดาลที่เป็นของเหลวทั่วทั้งดวง และที่มหาสมุทรนี้เองที่นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่าอาจมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่
แม้จะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากแต่แรงน้ำขึ้นลงจากดาวเสาร์ที่กระทำต่อเอนเซลาดัสทำให้เกิดความร้อนขึ้นภายในจนอุณหภูมิสูงพอที่จะทำให้น้ำเป็นของเหลวได้ นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เกิดปล่องแบบน้ำร้อนขึ้นที่ท้องมหาสมุทรอีกด้วย และที่ปล่องแบบน้ำร้อนนี้เองที่อาจเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต
บนโลกปล่องแบบน้ำร้อนใต้สมุทรทำให้เกิดระบบนิเวศที่แตกต่างจากส่วนอื่น ๆ ของโลกอย่างสิ้นเชิง สิ่งมีชีวิตในระบบนี้ดำรงอยู่ได้ด้วยการสังเคราะห์ทางเคมีแทนที่จะเป็นการสังเคราะห์ด้วยแสงที่ต้องพึ่งพาแสงอาทิตย์
หากที่ท้องมหาสมุทรบาดาลของเอนเซลาดัสมีปล่องแบบน้ำร้อนเหมือนกันก็เป็นไปได้ว่าที่นั่นจะมีสิ่งมีชีวิตที่อาศัยพลังงานจากปล่องนั้นได้เช่นกัน
จนถึงขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ยืนยันว่ามีสิ่งมีชีวิตจริงในมหาสมุทรของเอนเซลาดัส แต่อย่างน้อย แบบจำลองที่แสดงสภาพของเอนเซลาดัสบวกกับข้อมูลจากยานแคสซีนีบ่งบอกว่า เป็นไปได้มากว่าปล่องแบบความร้อนในเอนเซลาดัสอาจสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับบนโลกได้
ยังมีกลไกการสร้างมีเทนแบบอชีวภาพอีกแบบหนึ่งที่อาจเป็นสาเหตุของปริมาณมีเทนที่พบบนเอนเซลาดัสก็ได้นั่นคือ เป็นมีเทนดึกดำบรรพ์ในเนบิวลาสุริยะซึ่งเป็นกลุ่มแก๊สวัตถุดิบที่ก่อกำเนิดดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ต่าง ๆ ในระบบสุริยะ เมื่อเอนเซลาดัสกำเนิดขึ้น มีเทนดึกดำบรรพ์นี้ก็ถูกกักไว้ภายในเนื้อในของเอนเซลาดัสด้วย นอกจากนี้การสลายตัวของสารอินทรีย์บางชนิดก็สร้างมีเทนได้เช่นกัน
การจะพิสูจน์ให้แน่ชัดก็ต้องเป็นการส่งยานไปสำรวจถึงที่ น่าเสียดายที่ขณะนี้ยังไม่มีภารกิจสำรวจอวกาศที่จะไปยังเอนเซลาดัสในอนาคตอันใกล้ ยานที่จะไปยังดาวเคราะห์รอบนอกที่กำลังจะเกิดขึ้นมีเพียงยานยูโรปาคลิปเปอร์และยานจูซเท่านั้น ทั้งสองภารกิจนี้มีเป้าหมายอยู่ที่ดวงจันทร์ยูโรปาของดาวพฤหัสบดี ซึ่งก็เป็นดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งที่มีโอกาสสิ่งมีชีวิตสูงเช่นกัน
ภารกิจสำรวจดวงจันทร์เอนเซลาดัสเท่าที่มีอยู่ก็ล้วนยังอยู่ในขั้นตอนของการวางแผนเท่านั้นการค้นพบของแคสซีนีในครั้งนี้อาจทำให้ภารกิจเหล่านี้ได้รับการอนุมัตและเร่งรัดโดยเร็ว อย่างไรก็ตามการส่งยานไปยังดวงจันทร์ดวงนี้แล้วเจาะพื้นผิวเข้าไปยังมหาสมุทรบาดาลเป็นภารกิจที่ท้าทายเทคโนโลยีเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่เคยมีภารกิจสำรวจอวกาศในลักษณะนี้มาก่อนเลย
หนึ่งในการค้นพบสำคัญในภารกิจสำรวจดาวเสาร์และบริวารนี้คือ
ปริมาณของมีเทนที่พบทำให้นักชีววิทยานอกโลกให้ความสนใจเป็นพิเศษ
มีเทนเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่เกิดขึ้นเองได้ทั้งจากกระบวนการทางธรณีเคมีซึ่งไม่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต
เอนเซลาดัสเป็นดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์
แม้จะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มาก
พู่ไอน้ำที่พุ่งออกมาจากพื้นผิวของดวงจันทร์เอนเซลาดัส ไอน้ำที่พุ่งขึ้นมาอาจมาจากมหาสมุทรบาดาลก็ได้ (จาก Cassini Imaging Team, SSI, JPL, ESA, NASA)
บนโลก
หากที่ท้องมหาสมุทรบาดาลของเอนเซลาดัสมีปล่องแบบน้ำร้อนเหมือนกัน
ภาพตัดขวางแสดงโครงสร้างใต้พื้นผิวของเอนเซลาดัส แสดงปล่องแบบความร้อนที่อยู่พื้นมหาสมุทรบาดาล ความร้อนที่เกิดขึ้นภายในอาจเป็นสาเหตุให้เกิดพู่ไอน้ำที่พุ่งออกมาตามรอยแยกที่พื้นผิว
(จาก NASA-GSFC/SVS, NASA/JPL-Caltech/Southwest Research Institute)
จนถึงขณะนี้
ยังมีกลไกการสร้างมีเทนแบบอชีวภาพอีกแบบหนึ่งที่อาจเป็นสาเหตุของปริมาณมีเทนที่พบบนเอนเซลาดัสก็ได้
การจะพิสูจน์ให้แน่ชัด
ภารกิจสำรวจดวงจันทร์เอนเซลาดัสเท่าที่มีอยู่ก็ล้วนยังอยู่ในขั้นตอนของการวางแผนเท่านั้น