ภาพคารอนเต็มใบกับเป้าหมายต่อไปของนิวเฮอไรซอนส์
ภาพคารอนเต็มใบกับเป้าหมายต่อไปของนิวเฮอไรซอนส์
เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ยานนิวเฮอไรซอนส์ได้ส่งภาพความละเอียดสูงของดวงจันทร์คารอนกลับมา เป็นภาพที่ถ่ายในวันที่ 14 กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ยานอยู่ใกล้ดาวพลูโตและคารอนที่สุด ภาพนี้ได้ทำให้นักดาราศาสตร์ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าดวงจันทร์ดวงนี้มีอดีตที่หฤโหดและสุดแสนซับซ้อน
คารอนเป็นบริวารดวงใหญ่ที่สุดของดาวพลูโต มีขนาดใหญ่ถึงครึ่งหนึ่งของดาวพลูโต ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์ของโครงการนิวเฮอไรซอนส์หลายคนได้คาดไว้ว่า คารอนน่าจะมีสีออกไปทางสีเดียวไม่หลากหลายนัก พื้นผิวก็คงจะพรุนไปด้วยผลจากการกระหน่ำของอุกกาบาตน้อยใหญ่
แต่สิ่งที่พบในภาพที่ยานส่งกลับมาคือ โลกที่เต็มไปด้วยเทือกเขา หุบผาชัน แผ่นดินถล่ม อีกทั้งยังมีหลากหลายสีสันอีกด้วย
สิ่งที่สะดุดตาที่สุดบนพื้นผิวของคารอนในด้านที่หันเข้าหาพลูโตก็คือ รอยแยกขนาดมหึมาที่พาดผ่านเป็นทางยาวใกล้เส้นศูนย์สูตรด้านเหนือ รอยแยกนี้คือหุบผาชัน พาดจากขอบดวงถึงขอบดวงเป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 1,600 กิโลเมตร และอาจยาวเลยไปถึงอีกด้านหนึ่งที่มองไม่เห็นด้วยก็ได้ หุบผาชันของคารอนนี้คล้ายกับแกรนด์แคนยอนที่สหรัฐอเมริกา แต่ยาวกว่าถึงสี่เท่าและลึกกว่าถึงสองเท่า สิ่งนี้ย่อมแสดงว่าคารอนเคยมีการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาขนานใหญ่มาก่อน
"รอยแยกนี้ดูเหมือนกับคารอนทั้งดวงจะถูกแบะออกเป็นสองส่วนเลยทีเดียว" จอห์น สเปนเซอร์ รองหัวหน้าคณะทำงานด้านธรณีฟิสิกส์และการถ่ายภาพจากสถาบันวิจัยเซาท์เวสต์ในโบลเดอร์ โคโลราโดกล่าว "เปรียบเทียบกับขนาดของคารอนเองแล้ว หุบผาชันนี้เทียบได้กับหุบเขามาริเนอร์ของดาวอังคารเลยทีเดียว"
ถัดไปทางใต้ของหุบผาชันคือที่ราบกว้างใหญ่ มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า "ที่ราบวัลแคน" บริเวณนี้มีหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่จำนวนน้อยกว่าทางซีกเหนือ แสดงว่าพื้นที่นี้มีอายุน้อยกว่า พื้นที่ที่ดูราบเรียบ บวกกับมีร่องและแนวสันจาง ๆ ล้วนเป็นหลักฐานที่แสดงถึงกระบวนการสร้างพื้นผิวในพิสัยใหญ่ที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน
การสร้างพื้นผิวใหม่นี้อาจเกิดจากการปะทุเย็นชนิดหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าน้ำที่อยู่ใต้ผิวคารอนได้เยือกแข็งไปนานแล้ว ปริมาตรที่เปลี่ยนแปลงจากการเยือกแข็งทำให้ผิวดาวปริแตกออก เป็นการเปิดช่องให้มีลาวาน้ำจากเบื้องล่างเล็ดรอดขึ้นมาถึงพื้นผิวได้
ภาพคารอนที่ส่งมาในครั้งนี้ยังไม่ใช่ภาพที่ละเอียดที่สุดที่นิวเฮอไรซอนส์ถ่ายได้ ยังมีภาพที่ละเอียดกว่านี้ที่ยังเก็บอยู่ในยาน รอเวลาที่จะส่งกลับมายังโลกภายหลัง เมื่อถึงวันนั้นอาจช่วยคลี่คลายปัญหานี้ได้ หรือไม่ก็อาจนำปัญหาใหม่ ๆ มาให้นักวิทยาศาสตร์ต้องงงงวยยิ่งขึ้นไปอีก
ขณะนี้ยานนิวเฮอไรซอนส์อยู่ห่างจากโลก 5 พันล้านกิโลเมตร ระบบต่าง ๆ บนยานยังคงอยู่ในสภาพดีและปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ ยานกำลังเดินทางมุ่งหน้าออกไปยังระบบสุริยะรอบนอก โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ทางนาซาได้กำหนดเอาไว้แล้ว นั่นคือ 2014 เอ็มยู 69 (2014 MU69) วัตถุดวงนี้เป็นวัตถุไคเปอร์ อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 43.3 หน่วยดาราศาสตร์ มีแสงริบหรี่มาก มีอันดับความสว่าง 25.6 หากสมมุติว่าวัตถุดวงนี้มีอัตราสะท้อนแสง 20% ก็แสดงว่ามีขนาดเพียง 45 กิโลเมตรเท่านั้น แต่ก็ยังใหญ่กว่านิวเคลียสของดาวหางทั่วไปราวสิบเท่า
ยานนิวเฮอไรซอนส์มีกำหนดจะจุดจรวดปรับทิศทางเพื่อเบนทิศทางเข้าสู่เป้าใหม่ในปลายเดือนตุลาคมครั้งหนึ่ง และต้นเดือนพฤศจิกายนอีกครั้งหนึ่ง ยานมีกำหนดไปถึงเป้าหมายในวันขึ้นปีใหม่ของปี 2562
ก่อนหน้านี้มีวัตถุตัวเลือกอื่นอีกสองดวงแต่ถูกตัดออกไป ดวงหนึ่งที่น่าสนใจเหมือนกันคือ 2014 พีเอ็น 70 ดวงนี้มีขนาดใหญ่กว่า 2014 เอ็มยู 69 แต่สุดท้ายนักวิทยาศาสตร์ก็เลือกที่จะไปสำรวจ 2014 เอ็มยู 69 แทนเพราะอยู่ในตำแหน่งที่ยานต้องใช้พลังงานในการปรับทิศทางน้อยกว่าเพื่อไปถึง
2014 เอ็มยู 69 มีวงโคจรเกือบกลม และระนาบเอียงเพียง 2.5 องศา ซึ่งแสดงว่ามีความเปลี่ยนแปลงน้อยมากนับจากที่ระบสุริยะกำเนิดขึ้นเมื่อ 4.5 พันล้านปีก่อน