ดาวเคราะห์ในปี 2554
ดาวเคราะห์เป็นวัตถุที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ ระบบสุริยะมีดาวเคราะห์ทั้งหมด 8 ดวง ดวงที่สว่างเห็นได้ง่ายด้วยตาเปล่าจากโลกมี 5 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ ที่เหลืออีก 2 ดวง คือ ดาวยูเรนัสและเนปจูน ต้องอาศัยกล้องสองตาหรือกล้องโทรทรรศน์ ซึ่งนอกจากดาวเคราะห์แล้ว ยังสามารถส่องเห็นดาวบริวารบางดวง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริวารของดาวพฤหัสบดีกับดาวเสาร์
อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด เคลื่อนที่เร็วที่สุด วงโคจรของดาวพุธมีความรีค่อนข้างสูง ทำให้มุมห่างสูงสุดจากดวงอาทิตย์เปลี่ยนแปลงอยู่ระหว่าง 18°-28° ระนาบวงโคจรของดาวพุธเอียงทำมุมประมาณ 7° กับระนาบวงโคจรโลก หากดาวพุธโคจรมาอยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ในจังหวะที่มันอยู่ใกล้กับจุดตัดของระนาบวงโคจรทั้งสอง คนบนโลกจะมีโอกาสเห็นดาวพุธเป็นจุดดำขนาดเล็กเคลื่อนผ่านหน้าดวงอาทิตย์ ซึ่งครั้งถัดไปจะเกิดในวันที่ 9 พฤษภาคม 2559 ประเทศไทยเห็นได้ขณะเริ่มปรากฏการณ์ระหว่างที่ดวงอาทิตย์กำลังตก
ด้วยมุมห่างที่ไม่สูงนักทำให้เรามีโอกาสสังเกตดาวพุธได้เฉพาะในเวลาพลบค่ำหรือรุ่งสาง เวลาที่สังเกตดาวพุธได้คือช่วงที่ดาวพุธทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์มากพอสมควร ปีนี้มีช่วงที่สังเกตดาวพุธได้ดีในเวลาเช้ามืดอยู่ 3 ช่วง ช่วงแรกเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนถึงปลายเดือนมกราคม ช่วงที่ 2 คือปลายเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงที่ดาวพุธทำมุมห่างดวงอาทิตย์มาก นอกจากนี้ยังมีดาวเคราะห์อีก 3 ดวง ได้แก่ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร และดาวพฤหัสบดี มาอยู่ใกล้ดาวพุธบนท้องฟ้า ช่วงสุดท้ายเริ่มในกลางเดือนธันวาคม 2554 ถึงต้นเดือนมกราคม 2555 ดวงจันทร์เสี้ยวมาอยู่ใกล้ดาวพุธในเช้ามืดวันที่ 23 ธันวาคม
ช่วงเวลาที่สังเกตดาวพุธได้ดีในเวลาหัวค่ำมี2 ช่วง ช่วงแรกคือต้นเดือนถึงปลายเดือนกรกฎาคม ดาวพุธทำมุมห่างดวงอาทิตย์มาก แต่อาจมีอุปสรรคจากสภาพท้องฟ้า อีกช่วงหนึ่งคือปลายเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ครึ่งแรกของเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่ดาวศุกร์มาปรากฏใกล้ดาวพุธ
เมื่อสังเกตด้วยกล้องโทรทรรศน์จะเห็นดาวพุธมีการเปลี่ยนแปลงคล้ายดิถีของดวงจันทร์หากปรากฏในเวลาหัวค่ำ ดาวพุธจะเปลี่ยนแปลงจากสว่างเกือบเต็มดวงไปสว่างเป็นเสี้ยว และมีขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนเวลาเช้ามืดจะเปลี่ยนแปลงจากเป็นเสี้ยวไปสว่างเกือบเต็มดวง และมีขนาดเล็กลง
เป็นเพราะมันอยู่ใกล้โลกและดวงอาทิตย์ บรรยากาศของดาวศุกร์ก็สะท้อนแสงได้ดี เมื่อดาวศุกร์ปรากฏในเวลาหัวค่ำ เราเรียกว่า "ดาวประจำเมือง" แต่ถ้าปรากฏในเวลาเช้ามืด เรียกว่า "ดาวประกายพรึก" หรือ "ดาวรุ่ง" วงโคจรของดาวศุกร์ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ทำให้ดาวศุกร์ทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เกิน 47° เมื่อสังเกตด้วยกล้องโทรทรรศน์จะเห็นดาวศุกร์เปลี่ยนแปลงรูปร่างเช่นเดียวกับดาวพุธ แต่เห็นได้ชัดกว่าเนื่องจากขนาดที่ใหญ่กว่ามาก
ระนาบวงโคจรของดาวศุกร์เอียงทำมุม3.4° กับระนาบวงโคจรโลก ดาวศุกร์มีโอกาสเคลื่อนผ่านหน้าดวงอาทิตย์ได้เช่นเดียวกับดาวพุธ โดยมีขนาดใหญ่กว่าดาวพุธมาก สามารถเห็นดาวศุกร์เป็นดวงกลมดำเมื่อดูดวงอาทิตย์ผ่านแผ่นกรองแสง ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์ครั้งที่ผ่านมาเกิดเมื่อ 8 มิถุนายน 2547 ครั้งถัดไปจะเกิดในวันที่ 6 มิถุนายน 2555 ประเทศไทยเห็นได้ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงเกือบเที่ยงวัน หลังจากนั้นจะเว้นระยะไปอีก 105 ปี
ดาวศุกร์อยู่บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน2553 โดยเคลื่อนตัวออกห่างจากดวงอาทิตย์มากขึ้นทุกวัน วันที่ 8 มกราคม 2554 ดาวศุกร์ทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุด วันนั้นดาวศุกร์สว่างเป็นรูปครึ่งดวงเมื่อดูด้วยกล้องโทรทรรศน์กำลังขยายสูง หลังจากนั้นดาวศุกร์จะมีพื้นผิวด้านสว่างเพิ่มขึ้น พร้อมกับห่างโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีขนาดเล็กลง
เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่ดาวศุกร์อยู่ใกล้ดาวเคราะห์หลายดวงต้นเดือนกรกฎาคมน่าจะเป็นช่วงสุดท้ายที่มีโอกาสเห็นดาวศุกร์ในเวลาเช้ามืด หลังจากนั้นดาวศุกร์จะใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นจนสังเกตได้ยาก วันที่ 16 สิงหาคม ดาวศุกร์อยู่ในทิศทางเดียวกับดวงอาทิตย์ โดยดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลางระหว่างโลกกับดาวศุกร์ เมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคมอาจเริ่มเห็นดาวศุกร์อยู่ใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกในเวลาพลบค่ำ ดาวศุกร์จะกลายเป็นดาวประจำเมืองในเวลาหัวค่ำต่อเนื่องไปถึงเดือนพฤษภาคม 2555
มันได้ชื่อว่าดาวแดงเนื่องจากปรากฏบนท้องฟ้าเป็นดาวสว่างสีแดง ชมพู หรือส้ม ต่างจากดาวเคราะห์ดวงอื่นและดาวฤกษ์ส่วนใหญ่บนท้องฟ้า บรรยากาศอันเบาบางทำให้เราสามารถส่องกล้องมองเห็นพื้นผิวดาวอังคารได้ ยกเว้นช่วงที่เกิดพายุฝุ่นปกคลุม และบางช่วงอาจเห็นน้ำแข็งที่ขั้วดาว
ช่วงที่สังเกตดาวอังคารได้ดีที่สุดคือขณะที่ดาวอังคารอยู่ใกล้โลกที่สุดตรงกับช่วงที่มันอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ซึ่งเกิดขึ้นเฉลี่ยทุก 2 ปี 2 เดือน วงโคจรของดาวอังคารที่เป็นวงรี ทำให้ดาวอังคารอยู่ห่างโลกไม่เท่ากันในการเข้าใกล้แต่ละครั้ง อาจใกล้เพียง 56 ล้านกิโลเมตร อย่างที่เกิดในปี 2546 หรือไกลถึง 101 ล้านกิโลเมตร อย่างที่จะเกิดในปี 2555 นั่นทำให้ขนาดปรากฏของดาวอังคารขณะอยู่ตรงข้ามดวงอาทิตย์กว้างใหญ่ได้ถึง 25.1 พิลิปดา หรือเล็กเพียง 13.8 พิลิปดา
ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ที่มีช่วงของความสว่างกว้างมากขณะใกล้โลกที่สุดเมื่อปี 2546 ดาวอังคารสว่างถึงโชติมาตร -2.9 เมื่ออยู่ไกลโลกที่สุดในปี 2562 มันสามารถจางลงได้ถึงโชติมาตร +1.8 แกนหมุนของดาวอังคารเอียงจากระนาบวงโคจรประมาณ 25° จึงเกิดฤดูต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลให้มีการเปลี่ยนแปลงของขั้วน้ำแข็งและเมฆในบรรยากาศ ส่วนใหญ่ดาวอังคารที่ปรากฏในกล้องโทรทรรศน์จะมีขนาดเล็ก ไม่สามารถสังเกตเห็นร่องรอยบนพื้นผิวได้ ไม่กี่เดือนเท่านั้นที่ดาวอังคารจะใกล้โลกจนใหญ่พอสำหรับการสังเกตรายละเอียดบนพื้นผิว ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ดาวอังคารอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์
ปีที่แล้วดาวอังคารอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ในวันที่15 กุมภาพันธ์ 2553 ครั้งถัดไปที่ดาวอังคารจะอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์คือต้นเดือนมีนาคม 2555 ดังนั้นเกือบตลอดปีนี้ดาวอังคารจึงไม่สว่างนัก และมีขนาดเล็ก ต้นปีดาวอังคารสว่างที่โชติมาตร +1.2 ปลายปีสว่างเพิ่มขึ้นไปที่โชติมาตร +0.2 เทียบกันแล้วคิดเป็นความสว่างที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2.5 เท่า
ตลอด3 เดือนแรกของปี เราไม่สามารถสังเกตดาวอังคารได้เนื่องจากดาวอังคารอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ดาวอังคารอยู่ร่วมทิศกับดวงอาทิตย์ ปลายเดือนเมษายนจะเริ่มเห็นดาวอังคารบนท้องฟ้าทิศตะวันออกในเวลาเช้ามืด ขณะนั้นดาวอังคารอยู่ในกลุ่มดาวปลา เช้ามืดวันที่ 1 พฤษภาคม ดาวอังคารอยู่ใกล้ดาวพฤหัสบดีด้วยระยะห่างเพียง 0.4° ต้องใช้ความพยายามในการสังเกตเนื่องจากขณะนั้นทั้งคู่ทำมุมห่างดวงอาทิตย์เพียง 18° และเส้นสุริยวิถีก็เอียงจากแนวดิ่ง ทำให้ดาวอังคารและดาวพฤหัสบดีปรากฎใกล้ขอบฟ้า
วันที่10-11 พฤษภาคม ดาวอังคารเข้าสู่กลุ่มดาวแกะ ปลายเดือนดาวพุธกับดาวศุกร์จะเคลื่อนมาอยู่ใกล้ดาวอังคาร กลางเดือนมิถุนายน ดาวอังคารเข้าสู่กลุ่มดาววัว ผ่านทางขวามือของกระจุกดาวลูกไก่ในช่วงวันที่ 20-21 มิถุนายน ด้วยระยะห่าง 4° ต้นเดือนสิงหาคม ดาวอังคารเข้าสู่กลุ่มดาวคนคู่ วันที่ 7 สิงหาคม ผ่านใกล้กระจุกดาวเอ็ม 35 กลางเดือนกันยายนเข้าสู่กลุ่มดาวปู เช้ามืดวันที่ 1 และ 2 ตุลาคม จะเห็นดาวอังคารเข้าไปอยู่ในกระจุกดาวรังผึ้ง ปลายเดือนตุลาคม ดาวอังคารย้ายเข้าสู่กลุ่มดาวสิงโต เช้ามืดวันที่ 11 พฤศจิกายน มองเห็นดาวอังคารอยู่ทางซ้ายมือของดาวหัวใจสิงห์ ดาวอังคารยังคงอยู่ในกลุ่มดาวสิงโตและสังเกตได้ดีที่สุดในเวลาเช้ามืดตลอดช่วงที่เหลือของปี
2 รองจากดาวศุกร์ มีขนาดใหญ่และมวลสูงที่สุด การหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็วทำให้ดาวพฤหัสบดีมีรูปร่างเป็นทรงกลมแป้น เส้นผ่านศูนย์กลางในแนวศูนย์สูตรยาวกว่าในแนวขั้ว สามารถใช้กล้องสองตาและกล้องโทรทรรศน์สังเกตดาวบริวารของดาวพฤหัสบดีได้อย่างน้อย 4 ดวง
ดาวพฤหัสบดีโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยคาบประมาณ11.86
ดาวพุธ
ดาวพุธเป็นดาวเคราะห์ขนาดเล็กที่สุดด้วยมุมห่างที่ไม่สูงนัก
ช่วงเวลาที่สังเกตดาวพุธได้ดีในเวลาหัวค่ำมี
เมื่อสังเกตด้วยกล้องโทรทรรศน์จะเห็นดาวพุธมีการเปลี่ยนแปลงคล้ายดิถีของดวงจันทร์
เหตุการณ์เกี่ยวกับดาวพุธ | ||
---|---|---|
วันที่ | เหตุการณ์ | มุมห่างจากดวงอาทิตย์ |
9 | ห่างดวงอาทิตย์ไปทางทิศตะวันตกมากที่สุด | 23° |
25 | ร่วมทิศแนววงนอก | − |
23 | ห่างดวงอาทิตย์ไปทางทิศตะวันออกมากที่สุด | 19° |
10 | ร่วมทิศแนววงใน | − |
8 | ห่างดวงอาทิตย์ไปทางทิศตะวันตกมากที่สุด | 27° |
13 | ร่วมทิศแนววงนอก | − |
20 | ห่างดวงอาทิตย์ไปทางทิศตะวันออกมากที่สุด | 27° |
17 | ร่วมทิศแนววงใน | − |
3 | ห่างดวงอาทิตย์ไปทางทิศตะวันตกมากที่สุด | 18° |
29 | ร่วมทิศแนววงนอก | − |
14 | ห่างดวงอาทิตย์ไปทางทิศตะวันออกมากที่สุด | 23° |
14 | ร่วมทิศแนววงใน | − |
23 | ห่างดวงอาทิตย์ไปทางทิศตะวันตกมากที่สุด | 22° |
ดาวศุกร์
ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้าระนาบวงโคจรของดาวศุกร์เอียงทำมุม
ดาวศุกร์อยู่บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่ดาวศุกร์อยู่ใกล้ดาวเคราะห์หลายดวง
ดาวอังคาร
ดาวอังคารมีวงโคจรอยู่ถัดไปจากโลกตามระยะห่างจากดวงอาทิตย์ช่วงที่สังเกตดาวอังคารได้ดีที่สุดคือขณะที่ดาวอังคารอยู่ใกล้โลกที่สุด
ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ที่มีช่วงของความสว่างกว้างมาก
ปีที่แล้วดาวอังคารอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ในวันที่
ตลอด
วันที่
ดาวพฤหัสบดี
ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ที่สว่างเป็นอันดับดาวพฤหัสบดีโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยคาบประมาณ