รู้จักอุลกมณี
ตามที่มีข่าวเรื่องมีหนุ่มบุรีรัมย์พบวัตถุประหลาดบนพื้นข้างถนนขณะออกไปที่ทุ่งนา วัตถุนี้มีลักษณะแตกต่างไปจากก้อนหินทั่วไป จนเป็นที่สงสัยว่าคืออะไรกันแน่ ที่นี่มีคำตอบ
ตัวอย่างแหล่งข่าวที่มาเช่น
หนุ่มใหญ่ออกไปดักหนูนาได้ยินเสียงหล่นตุ๊บจากฟ้า หันกลับไปดูเจอวัตถุประหลาด เผาไฟไม่ไหม้ จากมติชนออนไลน์
มันคืออะไร?หนุ่มเจอวัตถุปริศนา หล่นจากฟากฟ้า น้ำหนักเบา เผาไฟไม่ไหม้ จากไทยรัฐ
ตามข่าวระบุว่าพบวัตถุนี้อยู่บนพื้น น้ำหนักเบา เผาไฟไม่ไหม้ ไม่นำความร้อน และภาพที่ปรากฏคือ มีรูปร่างเป็นทรงกระบอกยาวเรียว ยาวประมาณ 8 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสองเซนติเมตร น้ำหนักเบา ชั่งน้ำหนักได้ประมาณ 50 กรัม มีสีดำ ผิวมนมีรอยพรุน ผิวมันวาว
จากข้อมูลที่มีอยู่ทั้งลักษณะทางกายภาพและสถานที่พบ ค่อนข้างชี้ชัดว่า วัตถุประหลาดนี้คือ อุลกมณี
อุลกมณี(อ่านว่า อุน-ละ-กะ-มนี) หรือ เทกไทต์ (tektite) เป็นหินเนื้อแก้วผิวมน สีคล้ำ มีสัญฐานได้หลายแบบ ส่วนใหญ่คล้ายก้อนกรวดกลม รีแบบไข่ไก่ รูปหยดน้ำ หรือทรงกระบอก ลักษณะผิวดูคล้ายผ่านความร้อนสูงมาก่อน บางคนอาจนำไปใส่กรอบบูชาเป็นวัตถุมงคล หลายบ้านอาจมีของชนิดนี้อยู่บนหิ้งพระ วัตถุชนิดนี้เป็นที่คุ้นเคยของชาวไทยอีสาน เพราะพบได้ทั่วไปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย นอกจากนี้ยังพบในส่วนอื่นของภูมิภาคอินโดจีน ออสเตรเลีย และอาจไปไกลถึงแอนตาร์กติกาด้วย
เกิดจากสะเก็ดดาวหรือดาวเคราะห์น้อย ซึ่งเป็นวัตถุแข็งจากนอกโลกที่พุ่งตกลงมาใส่โลกและหลงเหลือตกลงมาถึงพื้นโลก
องค์ประกอบของอุลกมณีประกอบด้วยซิลิกา(ซิลิกอนไดออกไซด์) เป็นหลัก ซึ่งก็คือทรายหลอมเหลวนั่นเอง นอกจากนี้โครงสร้างในระดับจุลภาคจะไม่มีปรากฏโครงสร้างแบบผลึก ซึ่งต่างจากอุกกาบาตที่โครงสร้างเป็นผลึกชัดเจน ดังนั้น อุลกมณีจึงไม่น่าจะเป็นวัตถุจากอวกาศ แต่มีต้นกำเนิดมาจากหินและทรายบนโลกนี่เอง แต่ได้ผ่านเหตุการณ์บางอย่างที่มีความร้อนสูงมาก จึงมีลักษณะดังที่ปรากฏ
นักดาราศาสตร์สันนิษฐานว่านานมาแล้ว ได้มีดาวเคราะห์น้อยพุ่งเข้าชนโลก แรงชนทำให้เกิดความร้อนและพลังงานจลน์มหาศาลจนหินและทรายที่จุดถูกชนหลอมละลายและกระเด็นขึ้นไปไกล หินหลอมเหลวที่กระเด็นออกไปต่อมาได้จับตัวกันเป็นก้อนใหญ่ขึ้นพร้อมกับเย็นตัวลงจนกลายเป็นของแข็งอีกครั้ง แล้วตกกลับลงมาบนโลก
ดังนั้นแม้อุกกาบาตกับอุลกมณีจะตกลงมาจากฟ้าเหมือนกัน แต่มีที่มาต่างกัน จึงไม่ใช่วัตถุประเภทเดียวกัน อุกกาบาตมีต้นกำเนิดมาจากในอวกาศ เป็นวัตถุนอกโลกมาก่อนแล้วตกลงมาสู่โลก ส่วนอุลกมณีมาจากวัสดุที่อยู่บนพื้นโลกแต่ถูกสาดให้กระเด็นขึ้นไปบนฟ้าแล้วตกกลับลงมาบนโลก
หากคุณอยากมีอุลกมณีไว้ในครอบครองสักชิ้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นเพราะไม่ใช่ของหายากอะไร ลองไปเดินตามตลาดนัดแบกะดินข้างบ้านก็อาจพบคนวางขายอุลกมณีปนกับพระเครื่อง แม้แต่ใน lazada หรือ shopee ก็ลงขายกันดาษดื่น ราคาก็อยู่ในระดับเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น แต่หากเป็นอุกกาบาตซึ่งเป็นของหายากจะนำมาวางขายในราคาแบบนี้ไม่ได้ เห็นจะต้องเปิดประมูลกันเลยทีเดียว และอาจทำเงินได้มากกว่าอุลกมณีหลายพันหลายหมื่นเท่าก็ได้
อย่างไรก็ตามบุคคลในข่าวอ้างถึงเสียง "ตุ้บ" ที่ได้ยินก่อนที่จะพบวัตถุลึกลับ หากวัตถุนั้นเป็นอุลกมณีจริง เสียงตุ้บที่ได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงของอุลกมณีที่เพิ่งตกลงมาจากฟ้ากระทบพื้น อุลกมณีเป็นวัตถุที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ๆ หนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิด เสียงนั้นจึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับอุลกมณี อุลกมณีน่าจะอยู่ตรงนั้นอยู่แล้วแต่บุคคลในข่าวเดินผ่านไปโดยไม่ได้สังเกตเห็น แล้วเสียงนั้นก็เกิดจากเหตุอื่นที่ไม่เกี่ยวกัน เมื่อได้ยินเสียงจึงมองหาต้นเสียงและทำให้พบกับวัตถุชิ้นนี้
ขอชื่นชมบุคคลผู้ค้นพบในข่าว(คุณบุญมา สงกูล) ที่มีความช่างสังเกต ใฝ่รู้ เมื่อพบสิ่งที่ตนไม่รู้จัก ก็พยายามหาคำตอบด้วยการทดลองเท่าที่ทำได้ มีการชั่งน้ำหนัก เผาไฟ ตรวจสอบจากอินเทอร์เน็ต เมื่อไม่พบคำตอบก็ถามหาผู้รู้ สิ่งที่คุณบุญมาทำล้วนเป็นลักษณะของบัณฑิต ไม่งมงายไร้สติ ถือเป็นการกระทำที่ควรเอาเยี่ยงอย่าง
ต้นกำเนิดอุลกมณี
●เมื่อหินอวกาศตกมาจากฟ้า
ตัวอย่างแหล่งข่าวที่มา
หนุ่มใหญ่ออกไปดักหนูนา
มันคืออะไร?
โพสต์ข่าวจากมติชนออนไลน์
คลิปข่าวจากไทยรัฐ
ตามข่าวระบุว่า
จากข้อมูลที่มีอยู่
อุลกมณีคืออะไร
อุลกมณี
ใช่อุกกาบาตหรือไม่
อุกกาบาตองค์ประกอบของอุลกมณีประกอบด้วยซิลิกา
นักดาราศาสตร์สันนิษฐานว่า
ดังนั้น
หากคุณอยากมีอุลกมณีไว้ในครอบครองสักชิ้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น
อย่างไรก็ตาม
ขอชื่นชมบุคคลผู้ค้นพบในข่าว
อ่านเพิ่มเติม
●พบหลุมอุกกาบาตยักษ์โบราณในลาวใต้●เมื่อหินอวกาศตกมาจากฟ้า