อาร์เทมิส 1 ทำอะไร
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ผู้คนทั่วโลกโดยเฉพาะในวงการอวกาศต่างจับจ้องไปที่ศูนย์การบินอวกาศเคนเนดีในรัฐฟลอริดา ที่นั่น มีจรวดยักษ์สีส้มสูงตระหง่านฟ้าลำหนึ่งตั้งอยู่บนฐานส่งจรวด 39 บี
เมื่อถึงเวลา13:47 น. ตามเวลาประเทศไทย จรวดยักษ์ลำนั้นก็แผดเสียงคำรามกึกก้อง เปลวไฟร้อนแรงพุ่งออกจากส่วนฐานพร้อมกับควันไฟและก้อนไอน้ำพวยพุ่งขึ้นมา แล้วจรวดก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าท่ามกลางเสียงปรบมือและไชโยโห่ร้องของผู้ที่ชมทั้งจากบริเวณรอบศูนย์การบินเคนเนดีและจากผู้ที่ชมภารกิจจากทางบ้าน ภารกิจ อาร์เทมิส 1 (Artemis 1) ขึ้นสู่ท้องฟ้าสำเร็จแล้ว
ภารกิจอาร์เทมิส1 เป็นภารกิจแรกของอภิมหาโครงการอาร์เทมิสขององค์การนาซา วัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือการนำมนุษย์กลับไปดวงจันทร์อีกครั้ง
โครงการนี้จึงเป็นครั้งแรกที่จะมีการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ในรอบกว่าครึ่งศตวรรษครั้งล่าสุดที่มีมนุษย์ไปเดินบนดวงจันทร์คือ ในปี 2515 คนสุดท้ายที่ทิ้งรอยเท้าเอาไว้บนดวงจันทร์คือ ยูจีน เชอร์แนน ในภารกิจอะพอลโล 17
จรวดที่โครงการนี้ใช้เป็นพาหนะหลักในการเดินทางไปดวงจันทร์คือจรวดเอสแอลเอส (SLS--Space Launch System) ซึ่งเป็นจรวดยักษ์รุ่นล่าสุดขององค์การนาซา และเป็นจรวดที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยสร้างกันมา ด้วยแรงขับสูงถึง 3,900 ตัน ทำให้จรวดเอสแอลเอสแบกของหนัก 130 ตันขึ้นไปโคจรรอบโลกที่วงโคจรใกล้โลกได้ และนำสัมภาระ 45 ตันไปถึงดวงจันทร์ได้
หัวใจของภารกิจอาร์เทมิสคือยานโอไรอัน ซึ่งเป็นยานที่ลูกเรืออาศัย ยานโอไรอันก็เป็นยานอวกาศมีมนุษย์รุ่นใหม่ล่าสุดของนาซาเช่นกัน ดูเผิน ๆ มีลักษณะทรงกรวยคล้ายมอดูลสั่งการของยานอะพอลโล แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย จุลูกเรือได้มากที่สุด 4 คน
วัตถุประสงค์หลักของภารกิจอาร์เทมิส1 คือการทดสอบระบบต่าง ๆ ของยานโอไรอัน และนี่จะเป็นการทดสอบสนามจริงครั้งแรกของจรวดเอสแอลเอสด้วย
ตามกำหนดการยานใช้เวลา 6 วันในการเดินทางจากโลกถึงดวงจันทร์ เมื่อไปถึง ยานโอไรอันจะเข้าสู่วงโคจรรอบดวงจันทร์โดยอยู่ห่างจากพื้นผิวดวงจันทร์เพียง 100 กิโลเมตร แล้วอาศัยแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์เหวี่ยงออกมาโคจรรอบดวงจันทร์เป็นวงรีกว้าง มีจุดไกลสุด 70,000 กิโลเมตรจากพื้นผิว ยานโอไรอันจะโคจรรอบรอบดวงจันทร์ที่ระยะนี้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เศษ ในระหว่างนี้ยานจะทดสอบการทำงานของยานไปด้วย
เมื่อถึงกำหนดกลับโลกยานจะหันเหทิศทางเข้าเฉียดดวงจันทร์อีกครั้งโดยจะเข้าไปใกล้ถึง 100 กิโลเมตร แล้วจุดจรวดเพื่อเบี่ยงทิศทางมุ่งหน้ากลับโลก เมื่อกลับมาถึงโลก ยานจะปะทะเข้ากับบรรยากาศโลกด้วยความเร็ว 11 กิโลเมตรต่อวินาที ทำให้ท้องยานร้อนขึ้นถึง 2,760 องศาเซลเซียส ช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะทดสอบว่าโล่กันความร้อนของยานซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างจะทำหน้าที่ปกป้องยานได้อย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่ จากนั้นจึงกางร่มชูชีพเพื่อชลอจนถึงความเร็วสุดท้ายก่อนจะสัมผัสกับท้องทะเลของมหาสมุทรแปซิฟิกใกล้ชายฝั่งของแคลิฟอร์เนีย รวมระยะเวลาของภารกิจนี้ 26 วัน
ภารกิจอาร์เทมิส1 นี้มีลูกเรือสามนาย แต่ลูกเรือทั้งสามนี้ไม่ใช่มนุษย์ ผู้อยู่บนที่นั่งในยานโอไรอันคือหุ่นยนต์ ตัวหนึ่งสวมชุดอวกาศของจริงที่นักบินอวกาศตัวจริงจะใส่ขณะขึ้นจากโลกและกลับสู่โลก อีกสองตัวติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดรังสี โดยมีตัวหนึ่งสวมชุดป้องกันรังสีแอสโทรแรดด้วย ชุดแอสโทรแรดเป็นชุดที่มนุษย์อวกาศในอนาคตอาจต้องใส่เพื่อป้องกันรังสีคอสมิกซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุษย์ที่อยู่ในอวกาศเป็นเวลานาน
ห้องคนขับรถยนต์มักจะมีตุ๊กตาหน้ารถประดับเพื่อความสวยงามในยานอวกาศก็มีเช่นเดียวกัน และเป็นธรรมเนียมของทั้งฝั่งนาซาและฝั่งรัสเซียที่ปฏิบัติสืบต่อมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็นแล้วที่จะห้อยตุ๊กตาไว้ในห้องนักบินของยานอวกาศ หน้าที่ของตุ๊กตาตัวนี้นอกจากถือเป็นตัวนำโชคแล้ว ยังใช้เป็นตัวแสดงภาวะไร้น้ำหนักที่ดี เมื่อใดที่ตุ๊กตาตัวนี้เปลี่ยนสภาพจากห้อยต่องแต่งเป็นลอยเท้งเต้งก็แสดงว่ายานได้เข้าสู่ภาวะไร้น้ำหนักแล้ว นับเป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่น่ารักที่สุด สภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อจรวดดับเครื่องยนต์ทุกเครื่อง สำหรับอาร์เทมิส 1 ใช้ตุ๊กตาสนูปปี้สวมชุดอวกาศทำหน้าที่นี้
อาร์เทมิส1 เป็นเพียงก้าวแรกเล็ก ๆ ของโครงการเท่านั้น หากภารกิจนี้ประสบความสำเร็จ ก้าวต่อไปจึงจะเป็นการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์จริง ๆ สถานที่บนดวงจันทร์ที่คาดว่าจะเป็นแหล่งลงจอดของภารกิจต่อไปคือบริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์ ขั้วใต้มีความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะนักดาราศาสตร์พบว่าที่นั่นมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้วย การมีน้ำย่อมหมายความว่ามีออกซิเจนด้วย การไปตั้งฐานที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้แหล่งทรัพยากรที่จำเป็นจะช่วยให้ไม่จำเป็นต้องหอบน้ำและออกซิเจนไปจากโลกซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองมาก
การวางพื้นฐานสำหรับการอาศัยบนดวงจันทร์ระยะยาวมีความหมายต่อโครงการมากเพราะนาซาไม่ได้มองว่าอาร์เทมิสเป็นเพียงแค่การนำมนุษย์ไปเดินบนดวงจันทร์ไม่กี่ชั่วโมงแล้วกลับแบบที่อะพอลโลเคยทำ แต่มองไปถึงการไปตั้งรกราก สร้างฐานที่อยู่ถาวรบนดวงจันทร์ และยังมองอนาคตไปไกลถึงการนำมนุษย์ไปตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคารเลยทีเดียว
I เว็บไซต์ทางการของภารกิจ จากนาซา
●Artemis1 countdown has begun. How to watch
●Artemis1 moon mission ready for epic test flight on SLS megarocket, NASA says
เมื่อถึงเวลา
ภารกิจอาร์เทมิส
โครงการนี้จึงเป็นครั้งแรกที่จะมีการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ
จรวดที่โครงการนี้ใช้เป็นพาหนะหลักในการเดินทางไปดวงจันทร์คือ
หัวใจของภารกิจอาร์เทมิสคือ
คลิปวิดีโอการนำอาร์เทมิส 1 จากโรงเก็บไปยังฐานส่งจรวด
วัตถุประสงค์หลักของภารกิจอาร์เทมิส
ตามกำหนดการ
เมื่อถึงกำหนดกลับโลก
ภารกิจอาร์เทมิส
ห้องคนขับรถยนต์มักจะมีตุ๊กตาหน้ารถประดับเพื่อความสวยงาม
อาร์เทมิส
การวางพื้นฐานสำหรับการอาศัยบนดวงจันทร์ระยะยาวมีความหมายต่อโครงการมาก
อ่านเพิ่มเติม
●Artemis●Artemis
●Artemis