มลพิษทางแสง เป็นศัตรูตัวร้ายของนักดาราศาสตร์มาเป็นเวลานาน และนับวันจะยิ่งก่อปัญหาในการศึกษาดวงดาวมากขึ้นตามความเจริญของเมืองที่เพิ่มขึ้น สำหรับนักดาราศาสตร์ ปัญหานี้อาจทำให้การศึกษาท้องฟ้าและดวงดาวลำบากขึ้น แต่สำหรับด้วงขี้ควาย นี่อาจเป็นเรื่องความเป็นความตายเลยทีเดียว
ในปี2556 งานวิจัยหนึ่งเผยว่า ด้วงขี้ควายมีความสามารถในการใช้ดวงดาวบนท้องฟ้าบอกทิศทางได้ นับเป็นความสามารถที่น่าทึ่งสำหรับสัตว์ที่ดูต้อยต่ำโสโครกเช่นนี้
ด้วงขี้ควายหรือแมงกุดจี่ เป็นแมลงปีกแข็งที่กินมูลสัตว์เป็นอาหาร เมื่อพบก้อนมูลสัตว์ก็จะกลิ้งเป็นก้อนกลมแล้วใช้ขาหลังดันเพื่อกลิ้งก้อนมูลกลับไปเก็บที่รัง ในช่วงที่หาทางกลับรังนี้เองที่การรู้ทิศมีความสำคัญต่อด้วงขี้ควายเพราะจำเป็นต้องหาทางนำลาภก้อนโตกลับไปให้เร็วที่สุดก่อนที่ด้วงตัวอื่นจะมาแย่งชิงไป
ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเวือทซ์บวร์คในเยอรมนี มหาวิทยาลัยลุนด์ในสวีเดน และมหาวิทยาลัยวิตวาเทอร์สแรนด์ในแอฟริกาใต้ ได้ทดลองเพิ่มเติมเกี่ยวกับด้วงขี้ควายอีกครั้งโดยมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบของมลพิษทางแสงต่อความสามารถในการนำทางด้วยดาวของด้วงขี้ควาย
ผลการทดลองซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารเคอร์เรนต์ไบโอโลจีแสดงว่าเมื่อมีแสงรบกวน ด้วงขี้ควายจะมีอาการหลงทิศ เช่นในสถานการณ์ที่ถูกรบกวนด้วยแสงจากเมืองใหญ่ ด้วงขี้ควายมีแนวโน้มจะเดินตรงไปยังแหล่งกำเนิดแสงที่ใกล้และสว่างที่สุดแทนที่จะรีบหนีออกจากกองมูลสัตว์ การที่ด้วงแต่ละตัวต่างเดินไปในทางเดียวกัน ย่อมเพิ่มโอกาสในการปะทะและต่อสู้แย่งชิงกัน
ในสถานการณ์ที่แย่ยิ่งกว่านั้นนั่นคือมีแสงรบกวนฟุ้งกระจายไปทั่ว เช่นที่เกิดขึ้นตามชานเมือง เหล่าด้วงขี้ควายดูเหมือนจะเดินวกไปวนมาจนถึงกับหลงทางไปเลยทีเดียว
เจมส์ฟอสเตอร์ หัวหน้านักวิจัยคณะดังกล่าวอธิบาย "ด้วงขี้ควายที่อาศัยอยู่ตามชานเมืองน่าจะได้รับผลกระทบจากมลพิษทางแสงมากที่สุด สัตว์อื่นที่ใช้ประโยชน์จากดวงดาวอย่างนกบางชนิดก็อาจมีปัญหาเช่นกัน"
เรามักจะคิดว่ามลพิษทางแสงเป็นเรื่องของมนุษย์อย่างเดียวแต่ความจริงมันส่งผลกระทบไปถึงสรรพชีวิตชนิดอื่นด้วย สัตว์โลกล้วนแต่มีวิวัฒนาการมาเพื่อคุ้นเคยกับค่ำคืนที่มืดมิดและใช้ประโยชน์จากแสงดาว การนำความมืดตามธรรมชาติออกไปจากรัตติกาลย่อมเกิดผลต่อเนื่องตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในปี
ด้วงขี้ควาย
ล่าสุด
ผลการทดลองซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารเคอร์เรนต์ไบโอโลจีแสดงว่า
ในสถานการณ์ที่แย่ยิ่งกว่านั้น
เจมส์
เรามักจะคิดว่ามลพิษทางแสงเป็นเรื่องของมนุษย์อย่างเดียว