นับตั้งแต่ดาวเทียมโซโฮ ซึ่งเป็นหอสังเกตการณ์ดวงอาทิตย์ได้ขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2538 ยานได้นำความลับมากมายจากดวงอาทิตย์มาสู่วงการวิทยาศาสตร์สุริยะ จนถึงวันนี้ โซโฮได้เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญให้แก่รายงานวิจัยกว่า 2,400 ฉบับโดยนักดาราศาสตร์กว่า 2300 แม้จะมีอายุกว่าสิบปีแล้ว แต่ยานก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยให้นักดาราศาสตร์สามารถศึกษาสภาพภายในดวงอาทิตย์โดยการบันทึกคลื่นไหวสะเทือนที่เกิดขึ้นบนพื้นผิว
ไม่เพียงแต่ข้อมูลด้านที่หันเข้าสู่โลกและยานเท่านั้นขณะนี้นักดาราศาสตร์กำลังพัฒนาวิธีการให้โซโฮสร้างภาพจำลองของสภาพพื้นผิวดวงอาทิตย์ด้านตรงข้ามกับยานได้
เดิมโซโฮมีกำหนดสิ้นสุดภารกิจในเดือนเมษายน2540 แต่ล่าสุดโครงการได้รับงบประมาณเพิ่มเติมให้ยืดอายุภารกิจออกไปอีกสองปีจนถึงเดือนธันวาคม 2552
ภายในอีกสองปีต่อจากนี้จะมียานอีกห้าลำที่จะตามขึ้นไปสมทบบนอวกาศและสำรวจดวงอาทิตย์ร่วมกับโซโฮ ในจำนวนนี้มียานจากอีซาสองลำ นาซาสองลำ และญี่ปุ่นอีกหนึ่งลำ ยานของญี่ปุ่นคือ โซลาร์บี จะปล่อยขึ้นสู่อวกาศในปลายปีนี้
อีซาจะปล่อยยานโพรบา-2 เป็นดาวเทียมทดลองเทคโนโลยีและมีอุปกรณ์สำรวจดวงอาทิตย์ด้วย โดยเฉพาะที่สำคัญคืออุปกรณ์ที่สนับสนุนกล้องอีไอทีของโซโฮ อีไอทีจะมุ่งเน้นไปในการสำรวจต้นกำเนิดและช่วงต้นของการปะทุบนดวงอาทิตย์ แต่กล้องของโพรบา-2 จะติดตามการปะทุนั้นต่อไปในอวกาศ
ในด้านของนาซาจะปล่อยยานแฝดหนึ่งคู่ชื่อสเตอริโอ ในปีนี้ และในปี 2551 จะปล่อยยานโซลาร์ไดนามิกส์ออร์บิเตอร์ขึ้นไปอีกหนึ่งลำ สเตอริโอทั้งสองลำนี้จะทำงานประสานกับโซโฮอย่างแนบแน่นโดยวางตำแหน่งในอวกาศให้อยู่ในรูปสามประสาน เพื่อสังเกตในมุมต่างกันสามมุมและสนับสนุนข้อมูลแก่กันและกัน
เดิมเรามีแค่ยานสำรวจดวงอาทิตย์แค่ดวงเดียวแต่อีกเพียงไม่กี่เดือนโซโฮก็จะไม่ต้องทำงานอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป เพราะเราจะมีสิ่งที่เรียกว่า "กองทัพสำรวจดวงอาทิตย์"
ไม่เพียงแต่ข้อมูลด้านที่หันเข้าสู่โลกและยานเท่านั้น
เดิมโซโฮมีกำหนดสิ้นสุดภารกิจในเดือนเมษายน
ภายในอีกสองปีต่อจากนี้
อีซาจะปล่อยยาน
ในด้านของนาซาจะปล่อยยานแฝดหนึ่งคู่ชื่อ
เดิมเรามีแค่ยานสำรวจดวงอาทิตย์แค่ดวงเดียว