ดวงอาทิตย์ของเรา เมื่อครั้งถือกำเนิดขึ้นมา ได้เคยมีแฝดที่เกิดมาพร้อมกัน เป็นดาวคู่ที่โคจรรอบกันและกัน แต่ต่อมามีเหตุให้พี่น้องแฝดคู่นี้ต้องพลัดพรากจากกันตั้งแต่ยังวัยเยาว์
นี่ไม่ใช่พล็อตละครหลังข่าวหรือนิยายแฟนตาซีแต่เป็นผลงานวิจัยของนักวิจัยคณะหนึ่งจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ณ เบิร์กลีย์ และจากศูนย์ฟิสิกส์ดาราศาสตร์ฮาร์วาร์ด-สมิทโซเนียน
ดาวฤกษ์บนท้องฟ้าส่วนใหญ่อยู่กันเป็นคู่ต่างโคจรรอบกันและกัน เรียกว่าเป็นดาวคู่ หรือดาวแฝด มีเป็นจำนวนน้อยที่เป็นดาวเดี่ยวแบบดวงอาทิตย์
นักวิจัยคณะดังกล่าวได้พยายามหาคำตอบว่าดาวฤกษ์ที่เกิดแบบโดด ๆ และที่เกิดเป็นคู่มีมากน้อยต่างกันอย่างไร จึงได้สำรวจประชากรดาวใน เมฆโมเลกุลเพอร์ซิอัส ซึ่งเป็นเมฆโมเลกุลขนาดใหญ่ในกลุ่มดาวเพอร์ซิอัส อยู่ห่างจากโลก 600 ปีแสง เมฆโมเลกุลเป็นบริเวณที่มีการสร้างดาวฤกษ์อายุน้อยจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นโรงอนุบาลดาวฤกษ์
กลุ่มเมฆโมเลกุลนี้เมื่อดูในย่านแสงที่ตามองเห็นจะดูคล้ายเมฆสีดำ เพราะแสงจากภายในและเบื้องหลังถูกบดบังโดยม่านของโมเลกุลของไฮโดเจนและฝุ่นหนาแน่น หากจะศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเมฆโมเลกุลจึงต้องศึกษาในช่วงคลื่นที่มีความยาวเช่นคลื่นวิทยุเท่านั้น
ผลการสำรวจพบว่าในเมฆโมเลกุลเพอร์ซิอัสมีทั้งดาวที่เป็นดาวเดี่ยวและดาวคู่ ในจำนวนดาวที่พบมีดาวฤกษ์เดี่ยว 45 ดวง และดาวอีก 55 ดวงที่อยู่ในระบบดาวหลายดวง 24 ระบบ
ที่น่าสนใจก็คือพบว่าดาวคู่ที่มีระยะระหว่างดาวมากกว่า 500 หน่วยดาราศาสตร์เป็นดาวที่มีอายุน้อยกว่า 500,000 ปี ส่วนดาวคู่ที่ดาวสมาชิกมีอายุมากกว่านั้น (500,000 - 1,000,000 ปี) มักจะอยู่ใกล้กันประมาณ 200 หน่วยดาราศาสตร์)
จากข้อมูลนี้นักวิจัยได้สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ขึ้นหลายแบบเพื่ออธิบายการจัดกลุ่มในลักษณะนี้ และพบว่า ดาวฤกษ์ที่มวลใกล้เคียงดวงอาทิตย์ทุกดวงจะกำเนิดขึ้นเป็นคู่เสมอ โดยเริ่มจากเป็นดาวคู่ที่อยู่ห่างกัน หลังจากนั้นดาวทั้งสองอาจจะค่อย ๆ แยกห่างออกจากกันจนหลุดจากพันธนาการระหว่างกันกลายเป็นดาวเดี่ยวสองดวง หรืออาจจะค่อยตีวงขยับเข้าใกล้กันมากขึ้นกลายเป็นดาวคู่แบบใกล้ชิด โดยพบว่าโอกาสที่จะเป็นแบบแรกมีมากกว่าด้วยอัตรา 60:40
ดังนั้นหากทฤษฎีนี้เป็นจริงกับแหล่งกำเนิดดาวอื่น ย่อมหมายความดวงอาทิตย์ของเราก็ไม่ได้เกิดมาโดด ๆ อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หากแต่มีคู่แฝดที่พลาดพรากจากกันไปนานแล้ว
นี่ไม่ใช่พล็อตละครหลังข่าวหรือนิยายแฟนตาซี
ดาวฤกษ์บนท้องฟ้าส่วนใหญ่อยู่กันเป็นคู่
นักวิจัยคณะดังกล่าวได้พยายามหาคำตอบว่า
กลุ่มเมฆโมเลกุลนี้
ผลการสำรวจพบว่า
ที่น่าสนใจก็คือ
จากข้อมูลนี้
ดังนั้น