เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2562 เวลา 12:33 น. ตามเวลาประเทศไทย ยานนิวเฮอไรซอนส์ได้พุ่งเข้าเฉียดดาวอัลติมาทูลี โดยเข้าใกล้ที่สุดด้วยระยะ 3,500 กิโลเมตร ซึ่งใกล้กว่าที่เคยเฉียดดาวพลูโตเมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 ถึงกว่าสามเท่า ขณะที่เข้าใกล้ที่สุดยานมีความเร็วเทียบกับดาวอัลติมาทูลีสูงถึง 51,660 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ถัดมาอีกหนึ่งวันภาพแรกของอัลติมาทูลีจากยานเฮอไรซอนส์ก็มาถึงโลก เผยรูปร่างอันน่าพิศวงของวัตถุจากขอบระบบสุริยะดวงนี้
ดาวอัลติมาทูลีหรือชื่อทางการว่า 2014 เอ็มยู 69 (2014 MU69) เป็นวัตถุไคเปอร์ มีรูปร่างแบบสองตุ้มติดกัน แต่ละตุ้มขนาดไม่เท่ากัน ดูคล้ายตุ๊กตาหิมะ การที่มีรูปร่างสองตุ้มติดกันไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เพราะวัตถุรูปร่างเช่นนี้พบได้ทั่วไปในระบบสุริยะ นิวเคลียสของดาวหางชูรูยมอฟ-เกราซีเมนโคที่ยานโรเซตตาไปสำรวจเมื่อไม่นานมานี้ก็มีรูปร่างเป็นสองตุ้มติดกันเหมือนกัน ลักษณะเช่นนี้ในทางดาราศาสตร์เรียกว่า คู่สัมผัส (contact binary)
การที่พบว่าอัลติมาทูลีมีรูปร่างแบบสองตุ้มไม่ได้ทำให้นักดาราศาสตร์ประหลาดใจนักเพราะการสำรวจก่อนหน้านี้ก็พอจะได้เค้าลางมาคร่าว ๆ แล้วว่าวัตถุดวงนี้น่าจะมีรูปร่างแบบสองตุ้ม หรือเป็นสองดวงโคจรรอบกันในระยะใกล้ชิด หรืออาจมีรูปร่างรีมาก โดยข้อมูลส่วนนี้ได้มาจากการสังเกตการบังดาวฤกษ์ของอัลติมาทูลี ที่สังเกตจากสถานที่ต่างกันบนพื้นโลก
ภาพถ่ายจากยานนิวเฮอไรซอนส์นอกจากจะเผยรูปร่างของอัลติมาทูลีแล้วยังช่วยให้นักดาราศาสตร์วัดขนาดและสัดส่วนได้อย่างแม่นยำ โดยมีขนาด 35 x 15 กิโลเมตร นักดาราศาสตร์ได้ตั้งชื่อตุ้มใหญ่ว่า อัลติมา และตุ้มเล็กชื่อ ทูลี
ข้อมูลเบื้องต้นแสดงว่าอัลติมาทูลีหมุนรอบตัวเองครบรอบทุก 15 ชั่วโมง ผิดพลาดไม่เกินหนึ่งชั่วโมง ไม่พบว่ามีวงแหวน ไม่พบว่ามีดวงจันทร์บริวาร และไม่พบว่ามีบรรยากาศ ลักษณะผิวของอัลติมาทูลีค่อนข้างกลมเกลี้ยง ลักษณะเช่นนี้บ่งบอกว่าวัตถุดวงนี้แทบไม่เปลี่ยนแปลงเลยในช่วง 4.5 พันล้านปีที่ผ่านมา
การวิเคราะห์สีพบว่าอัลติมาทูลีมีสีอมแดงเช่นเดียวกับวัตถุหลายดวงที่อยู่รอบนอกของระบบสุริยะ ดาวพลูโตและคารอนก็มีสีอมแดงเช่นกัน สีของทั้งสองตุ้มไม่ต่างกัน ซึ่งอาจหมายความว่าก่อนหน้าที่จะชนและเชื่อมติดกัน วัตถุทั้งสองมีต้นกำเนิดอยู่ในบริเวณเดียวกัน ข้อสังเกตอีกอย่างก็คือ ที่บริเวณ "คอ" ซึ่งเป็นแนวที่วัตถุทั้งสองเชื่อมติดกันมีสีอ่อนและแดงน้อยกว่าส่วนอื่น อาจเกิดจากการที่มีเศษวัตถุไหลลงไปที่รอยต่อนั้น
ก่อนหน้าที่ยานนิวเฮอไรซอนส์ไปถึงเป้าหมายนักดาราศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่าความสว่างของอัลติมาทูลีที่ยานวัดได้มีค่าคงที่ตลอด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะปกติวัตถุที่มีลักษณะรียาวหรือเป็นสองตุ้มจะต้องมีความสว่างผันแปรไปตามคาบของการหมุน ความไม่สอดคล้องนี้ทำให้นักดาราศาสตร์ต้องงุนงงไม่น้อย ข้อมูลจากยานนิวเฮอไรซอนส์ได้คลายปัญหาข้อนี้ได้อย่างชัดเจน เมื่อพบว่าดาวอัลติมาทูลีหมุนรอบตัวเองโดยหันขั้วของการหมุนมายังยานนิวเฮอไรซอนส์พอดี การหมุนจึงไม่มีผลต่อความสว่างรวมของทั้งดวง
นักดาราศาสตร์ของภารกิจนี้กล่าวว่าวัตถุสองตุ้มอาจเข้ามาแตะและเชื่อมกันมาตั้งแต่ที่ระบบสุริยะเริ่มกำเนิดขึ้นเลยทีเดียว และการชนจะต้องเป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก
ต่อมาเมื่อวันที่18 มกราคม ภาพใหม่ของอัลติมาทูลีก็เดินทางมาถึงโลก ภาพนี้ให้ความละเอียดสูงกว่าภาพชุดแรกมาก ทิศทางของแสงก็ต่างไปจากภาพแรก จึงเผยภาพของหลุมขนาดเล็กได้จำนวนหนึ่งใกล้กับบริเวณที่เป็นรอยต่อกลางวัน-กลางคืน อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือแอ่งขนาดใหญ่บนทูลี แอ่งนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 7 กิโลเมตร คาดว่าน่าจะเป็นแอ่งที่เกิดจากการยุบของพื้นผิว
ยานนิวเฮอไรซอนส์ได้ผ่านดาวอัลติมาทูลีไปไกลแล้วแต่ข้อมูลที่สำรวจได้ในช่วงที่เข้าเฉียดยังคงอยู่บนยานและจะทยอยส่งกลับมายังโลก คาดว่าจะใช้เวลาราว 20 เดือนจึงจะส่งกลับมาหมด
อัลติมาทูลีอาจไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของยานนิวเฮอไรซอนส์หากนักดาราศาสตร์ตรวจพบวัตถุอื่นในเส้นทาง และนาซาขยายระยะเวลาของภารกิจให้ นิวเฮอไรซอนส์มีเชื้อเพลิงเหลือมากพอที่จะเบี่ยงทิศทางของยานเข้าสู่เป้าหมายนั้นได้
ขณะนี้ยานนิวเฮอไรซอนส์อยู่ห่างจากโลก6.64 พันล้านกิโลเมตร และยังคงทะยานต่อไปด้วยความเร็ว 50,700 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ถัดมาอีกหนึ่งวัน
ดาวอัลติมาทูลี
การที่พบว่าอัลติมาทูลีมีรูปร่างแบบสองตุ้มไม่ได้ทำให้นักดาราศาสตร์ประหลาดใจนัก
ภาพถ่ายจากยานนิวเฮอไรซอนส์นอกจากจะเผยรูปร่างของอัลติมาทูลีแล้ว
ข้อมูลเบื้องต้นแสดงว่า
การวิเคราะห์สีพบว่าอัลติมาทูลีมีสีอมแดง
ก่อนหน้าที่ยานนิวเฮอไรซอนส์ไปถึงเป้าหมาย
นักดาราศาสตร์ของภารกิจนี้กล่าวว่า
ต่อมาเมื่อวันที่
ยานนิวเฮอไรซอนส์ได้ผ่านดาวอัลติมาทูลีไปไกลแล้ว
อัลติมาทูลีอาจไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของยานนิวเฮอไรซอนส์
ขณะนี้ยานนิวเฮอไรซอนส์อยู่ห่างจากโลก