จันทรุปราคาเต็มดวง : 10 ธันวาคม 2554
พ.ศ. 2554 มีจันทรุปราคาเต็มดวงเกิดขึ้น 2 ครั้ง ประเทศไทยมีโอกาสเห็นได้ทั้ง 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 15 มิถุนายน (เข้าสู่เช้ามืดวันที่ 16 มิถุนายน) ซึ่งมีรายงานว่าหลายพื้นที่ในประเทศไทยไม่สามารถมองเห็นได้ เนื่องจากเมฆปกคลุมท้องฟ้าเป็นส่วนใหญ่ ครั้งที่ 2 ที่จะเกิดขึ้นในคืนวันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2554 มีโอกาสเห็นได้ดีกว่า เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาว แม้ว่าช่วงเวลามืดเต็มดวงจะสั้นกว่าครั้งที่แล้วมาก
จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้เป็นอุปราคาครั้งสุดท้ายของปี2554 เกิดขึ้นในคืนวันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม 2554 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันเสาร์ และสำหรับวงการโทรทัศน์แล้วถือเป็นช่วงเวลาที่มีผู้สนใจมากที่สุด (prime time) เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังไม่นอน ต่างกับครั้งที่แล้วที่เกิดในเวลากลางดึก
พื้นที่บนโลกที่เห็นจันทรุปราคาครั้งนี้พร้อมประเทศไทยคือ ทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา ยุโรป เอเชีย ฮาวาย มหาสมุทรแปซิฟิก และเกือบทั้งหมดของทวีปอเมริกาเหนือ โดยแถบยุโรปและแอฟริกาเกิดปรากฏการณ์ขณะดวงจันทร์ขึ้นในค่ำวันที่ 10 ธันวาคม ส่วนแถบอเมริกาเกิดปรากฏการณ์ขณะดวงจันทร์ตกในเช้ามืดของวันเดียวกัน ตามเวลาท้องถิ่น
โลก และดวงจันทร์ มาเรียงอยู่ในแนวเดียวกัน จนทำให้ดวงจันทร์ผ่านเงาของโลกซึ่งทอดยาวออกไปในอวกาศ เงานี้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เงามืดและเงามัว เงามัวเป็นส่วนที่จางมาก เรามักสังเกตไม่เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงกับดวงจันทร์ขณะที่ดวงจันทร์อยู่ในเงามัว ยกเว้นกรณีที่ดวงจันทร์อยู่ในเงาลึกมากพอ (โดยทั่วไปคือเวลาที่เงามัวกินพื้นที่มากกว่า 2 ใน 3 ของผิวด้านสว่างของดวงจันทร์)
หากดวงจันทร์ทั้งดวงเคลื่อนผ่านเข้าไปในเงามืดเรียกว่าจันทรุปราคาเต็มดวง เฉลี่ยเกิดขึ้นประมาณ 70 ครั้งต่อศตวรรษ จันทรุปราคาหลายครั้งที่มีเพียงบางส่วนของดวงจันทร์เท่านั้นที่ผ่านเข้าไปในเงามืด เรียกว่าจันทรุปราคาบางส่วน เฉลี่ยเกิดขึ้นประมาณ 84 ครั้งต่อศตวรรษ (สถิติในช่วง 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ถึง ค.ศ. 3000)
สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งบนพื้นโลกไม่สามารถสังเกตจันทรุปราคาได้ทุกครั้งขึ้นอยู่กับว่าขณะเกิดปรากฏการณ์เป็นเวลากลางคืนในท้องถิ่นนั้น ๆ หรือไม่ เพราะเมื่อเกิดจันทรุปราคาแล้ว เฉพาะซีกโลกด้านกลางคืนเท่านั้นที่สังเกตปรากฏการณ์นี้ได้ แต่นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เรามีโอกาสเห็นจันทรุปราคาได้บ่อยกว่าสุริยุปราคา ซึ่งสำหรับสุริยุปราคา เขตที่มีโอกาสเห็นสุริยุปราคากินพื้นที่เพียงบางส่วนของผิวโลกเท่านั้น ไม่ใช่ซีกโลกด้านกลางวันทั้งหมด
18:34 น. แต่จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นกับดวงจันทร์ จนกระทั่งดวงจันทร์เข้าไปในเงาลึกมากพอ ราว 1 ทุ่มครึ่ง หรือก่อนหน้านั้นไม่นาน อาจเริ่มสังเกตว่าพื้นผิวดวงจันทร์โดยรวมดูหมองคล้ำลงเล็กน้อย โดยเฉพาะทางด้านทิศตะวันออกของดวงจันทร์ ซึ่งก็คือด้านล่าง หรือด้านที่หันเข้าหาขอบฟ้า
จันทรุปราคาบางส่วนเริ่มขึ้นเวลา19:46 น. เป็นจังหวะที่ดวงจันทร์เริ่มสัมผัสเงามืดของโลก ขอบด้านตะวันออกของดวงจันทร์จะเริ่มแหว่ง ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่บนท้องฟ้าทิศตะวันออก เยื้องไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีมุมเงยสูงจากขอบฟ้าเกือบ 30° ดาวพฤหัสบดีอยู่สูงขึ้นไปเกือบถึงจุดเหนือศีรษะ ส่วนดาวศุกร์ใกล้จะตกลับขอบฟ้าหรือตกลับขอบฟ้าไปแล้วสำหรับบางพื้นที่
ดวงจันทร์จะเข้าไปในเงามืดลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกบังครึ่งดวงเมื่อใกล้เวลา 2 ทุ่มครึ่ง จากนั้นเริ่มบังหมดทั้งดวงในเวลา 21:06 น. นับเป็นเวลาที่เริ่มเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง
ดวงจันทร์ถูกเงาโลกบดบังทั้งดวงแต่เรายังสามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้ โดยพื้นผิวดวงจันทร์อาจมีสีน้ำตาล สีส้ม หรือสีแดงอิฐ และอาจมีสีเหลืองหรือฟ้าปะปนอยู่ได้เล็กน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะในบรรยากาศโลกตรงบริเวณรอยต่อระหว่างด้านกลางวันกับกลางคืนของโลก แสงอาทิตย์ที่หักเหและกระเจิงขณะเดินทางผ่านบรรยากาศโลก เป็นสาเหตุที่ทำให้ดวงจันทร์ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงไม่มืดสนิท
เวลา21:32 น. ดวงจันทร์เข้าใกล้ศูนย์กลางเงาโลกมากที่สุด คาดหมายได้ว่าเป็นเวลาที่ดวงจันทร์มืดคล้ำที่สุด (หากท้องฟ้าเปิดตลอดปรากฏการณ์) โดยขอบด้านทิศเหนือ (ซ้ายมือ) น่าจะคล้ำกว่าด้านทิศใต้ เนื่องจากอยู่ใกล้ศูนย์กลางเงามากกว่า นอกจากนี้ พื้นที่ที่เรียกว่ามาเร (ทะเล) ซึ่งเป็นส่วนคล้ำบนดวงจันทร์ ก็อยู่ในบริเวณด้านทิศเหนือมากกว่าด้านทิศใต้
จันทรุปราคาเต็มดวงสิ้นสุดลงในเวลา21:57 น. รวมเวลาที่ดวงจันทร์ทั้งดวงอยู่ในเงามืดของโลกนาน 51 นาที หลังจากนั้น ดวงจันทร์จะเคลื่อนออกจากเงามืด ใช้เวลาอีกเกือบ 1 ชั่วโมงครึ่ง ดวงจันทร์จึงจะกลับมาเต็มดวงในเวลา 23:18 น. ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่สูงเกือบถึงจุดเหนือศีรษะ มองต่ำลงมาทางทิศตะวันตกจะเห็นดาวพฤหัสบดีอยู่ที่มุมเงยประมาณ 50°-60°
หลังสิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วนในเวลา5 ทุ่มเศษ แม้ว่าดวงจันทร์จะเต็มดวง ไม่มีส่วนแหว่งเว้าแล้ว แต่ดวงจันทร์จะยังไม่สว่างเต็มที่ พื้นผิวของดวงจันทร์จะหมองคล้ำอยู่เล็กน้อยต่อไปอีกราวครึ่งชั่วโมง เพราะยังอยู่ในเงามัวของโลก หลังจากนั้นเราจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นกับดวงจันทร์อีก จันทรุปราคาครั้งนี้จะสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์เมื่อดวงจันทร์ทั้งดวงออกจากเงามัวในเวลา 00:30 น.
10 ธันวาคม 2554 ดวงจันทร์อยู่ในกลุ่มดาววัว บริเวณรอบ ๆ มีดาวฤกษ์สว่างอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากสามเหลี่ยมฤดูหนาว (Winter triangle) ซึ่งประกอบด้วยดาวซิริอัสในกลุ่มดาวหมาใหญ่ ดาวโพรซิออนในกลุ่มดาวหมาเล็ก และดาวเบเทลจุสในกลุ่มดาวนายพราน ยังมีดาว 6 ดวง เรียงกันเป็นหกเหลี่ยมที่เรียกว่าหกเหลี่ยมฤดูหนาว (Winter Hexagon) ได้แก่ ดาวซิริอัสในกลุ่มดาวหมาใหญ่ ดาวโพรซิออนในกลุ่มดาวหมาเล็ก ดาวพอลลักซ์ในกลุ่มดาวคนคู่ ดาวคาเพลลาในกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ ดาวอัลเดบารันในกลุ่มดาววัว และดาวไรเจลในกลุ่มดาวนายพราน (วนตามเข็มนาฬิกา) ดวงจันทร์อยู่ในหกเหลี่ยมนี้ โดยค่อนไปทางดาวอัลเดบารัน สูงขึ้นไปจะเห็นกระจุกดาวลูกไก่อยู่ห่างดวงจันทร์เกือบ 20°
ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ระยะห่างระหว่างดวงจันทร์กับศูนย์กลางเงา ปริมาณเมฆและฝุ่นละอองในบรรยากาศโลกตรงบริเวณรอยต่อระหว่างด้านกลางวันกับด้านกลางคืนของโลก
เราสามารถบอกความสว่างและสีของดวงจันทร์ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงได้ด้วยมาตราดังชง(Danjon scale) โดยทำการสังเกตดวงจันทร์ด้วยตาเปล่า มาตรานี้ตั้งชื่อตาม อองเดร ดังชง (André-Louis Danjon) นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสที่เป็นผู้ริเริ่ม เรียกย่อ ๆ ว่าค่าแอล (L) มีค่าจาก 0 ถึง 4 ดังตาราง โดยสามารถประมาณค่าเป็นทศนิยมได้
ถ้าจะให้ได้ข้อมูลละเอียดที่สุดอาจทำการประมาณค่าแอลทุก ๆ 10-20 นาที นับตั้งแต่ดวงจันทร์เข้าสู่เงามืดทั้งดวง ทั้งนี้การประมาณค่าแอลมีโอกาสผิดพลาดได้ หากขณะนั้นมีเมฆหรือหมอกควันบดบังดวงจันทร์ ซึ่งจะทำให้ดวงจันทร์ดูมืดสลัวกว่าความเป็นจริง
จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้เป็นอุปราคาครั้งสุดท้ายของปี
พื้นที่บนโลกที่เห็นจันทรุปราคาครั้งนี้พร้อมประเทศไทย
จันทรุปราคา
จันทรุปราคาเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์หากดวงจันทร์ทั้งดวงเคลื่อนผ่านเข้าไปในเงามืด
สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งบนพื้นโลกไม่สามารถสังเกตจันทรุปราคาได้ทุกครั้ง
ลำดับเหตุการณ์
จันทรุปราคาครั้งนี้เริ่มขึ้นเมื่อดวงจันทร์สัมผัสเงามัวของโลกในเวลาจันทรุปราคาบางส่วนเริ่มขึ้นเวลา
ดวงจันทร์จะเข้าไปในเงามืดลึกมากขึ้นเรื่อย
ดวงจันทร์ถูกเงาโลกบดบังทั้งดวง
เวลา
จันทรุปราคาเต็มดวงสิ้นสุดลงในเวลา
หลังสิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วนในเวลา
ขั้นตอนการเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง | ||
---|---|---|
เหตุการณ์ | เวลา | มุมเงยของดวงจันทร์ |
1. | 18:34 | 11° |
2. | 19:46 | 27° |
3. | 21:06 | 45° |
4. | 21:32 | 51° |
5. | 21:57 | 56° |
6. | 23:18 | 74° |
7. | 00:30 | 81° |
ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง
ช่วงที่เกิดจันทรุปราคาในคืนวันที่สีและความสว่างของดวงจันทร์
สีและความสว่างของดวงจันทร์ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงในแต่ละครั้งมีความแตกต่างกันเราสามารถบอกความสว่างและสีของดวงจันทร์ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงได้ด้วยมาตราดังชง
| ความสว่างและสีของดวงจันทร์ |
---|---|
0 | ดวงจันทร์มืดมาก |
1 | ดวงจันทร์มืด |
2 | ดวงจันทร์มีสีแดงเข้ม |
3 | ดวงจันทร์มีสีแดงอิฐ |
4 | ดวงจันทร์มีสีทองแดงหรือสีส้ม |
ถ้าจะให้ได้ข้อมูลละเอียดที่สุด