อำเภอกันตัง, ดาวอังคาร
แล้วยังมี อำเภอจัตุรัส มี จังหวัดตาก ฯลฯ อยู่บนดาวอังคารอีกต่างหาก
คนไทยไปตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารแล้วหรือ
ถ้าใช่คงน่าตื่นเต้นทีเดียวแต่บทความนี้ไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีคนไทยบนดาวอังคารจริง ๆ
ถึงกระนั้นผมก็สามารถบอกได้เต็มปากว่า มีชื่ออำเภอกันตังอยู่บนดาวอังคารแน่นอน พร้อมกับอำเภอและจังหวัดของเราอีกหลายแห่ง รวมทั้งมีชื่อสถานที่ที่เป็นภาษาไทยอยู่นอกโลกอีกจำนวนหนึ่งด้วย
เรื่องชื่อบ้านเมืองในประเทศไทยกับคำไทยไปนอกโลกนี้หาได้เกี่ยวข้องกับสมาคมดาราศาสตร์ไทยแต่ประการใดไม่ อันที่จริงการตั้งชื่อภูมิสถานต่าง ๆ บนดาวเคราะห์และดวงจันทร์ในระบบสุริยะนี้ มีกำเนิดขึ้นมากว่า 300 ปีแล้ว ตั้งแต่มีการเรียกชื่อหลุม ชื่อทะเล บนดวงจันทร์ เริ่มจากงานของนักดาราศาสตร์ไม่กี่คนที่ต่างคนต่างสังเกตการณ์ บันทึก และตั้งชื่อกันเอาเอง มาจนยุคของอนุกรรมการแห่งสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล สืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน
บาทหลวงนิกายเยซูอิตชื่อริชชิโอลี (1598-1671) ทำแผนที่ดวงจันทร์พร้อมชื่อหลุมและภูมิลักษณ์อื่น ๆ เป็นจำนวนมาก ชื่อที่หลวงพ่อริชชิโอลีตั้งไว้ เดี๋ยวนี้ก็ยังใช้เป็นมาตรฐานกันอยู่หลายชื่อ คริสเตียน ไฮเกนส์ (1629-1695) ตั้งชื่อ ซีร์ทิส เมเจอร์ (Syrtis Major) ให้กับปื้นดำขนาดใหญ่ที่สุดบนดาวอังคารที่มองเห็นจากโลก ไว้ตั้งแต่ปี 1650 การตั้งชื่อสถานที่บนดวงจันทร์และดาวอังคารเริ่มยุ่งยากขึ้นในคริสตศตวรรษที่ 19 เมื่อมีผู้สร้างกล้องโทรทรรศน์กำลังสูงมากพอที่จะสังเกตเทห์ฟากฟ้าเหล่านั้นได้โดยละเอียด
ในปี1907 การประชุมใหญ่สามัญของสภาสมาคมวิชาการสากลซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งเพื่อสะสางเรื่องชื่อภูมิสถานบนดวงจันทร์ที่ใช้กันอย่างสับสนในขณะนั้น การเสียชีวิตอย่างต่อเนื่องของกรรมการหลายท่าน (อาจจะเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี 1914 ถึง 1918) ทำให้อนุกรรมคณะนี้ไม่มีผลงานปรากฏ แต่งานพื้นฐานส่วนใหญ่ก็สำเร็จลุล่วงไปแล้ว
ดังนั้นเมื่อสหพันธ์ดาราศาสตร์สากลตั้งคณะอนุกรรมการตั้งชื่อสำหรับดวงจันทร์และดาวอังคารขึ้น ในคราวเดียวกับการประชุมสถาปนาสหพันธ์ที่กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยียม ในปี 1919 งานตั้งชื่อก็ทำต่อได้โดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ เพราะความต่อเนื่องของบุคลากรจากอนุกรรมการชุดก่อนหน้าซึ่งได้รับการแต่งตั้งเข้ามาในอนุกรรมการชุดใหม่นี้
ถึงจะไม่ต้องเริ่มจากศูนย์กว่ารายงานฉบับแรกจะออกมาก็ต้องรอถึงปี 1935 ด้วยการจัดพิมพ์ "Named Lunar Formations" ว่าด้วยชื่อภูมิสถานบนดวงจันทร์ จากนั้นจึงมีผลงานที่ละเอียดขึ้นออกมาอีกเป็นลำดับ
ดาวอังคารเป็นเทห์ฟากฟ้าแห่งที่สองที่ได้รับการกำหนดชื่อภูมิสถานนักดาราศาสตร์ที่บุกเบิกในเรื่องนี้เป็นพิเศษคือเชียปาเรลลี ในปลายศตวรรษที่ 19 และขยายผลโดยแอนโทเนียดี เมื่อต้นศตวรรษที่ 20
ยุคอวกาศเปิดฉากขึ้นพร้อมกับการส่งสปุตนิกดาวเทียมดวงแรกของโลก ขึ้นสู่อวกาศในปี 1957 ตามมาด้วยการสำรวจดวงจันทร์ในโครงการอะพอลโลของสหรัฐอเมริกา โครงการลูนา และซอนด์ ของสหภาพโซเวียต อีกทั้งยานอวกาศที่ถูกส่งไปสำรวจดาวเคราะห์ดวงอื่น เช่นยานชุดวอยเอเจอร์ มารีเนอร์ หรือยานกาลิเลโอ เป็นต้น เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้งานตั้งชื่อของสหพันธ์กลายเป็นงานช้างไปโดยปริยาย เพราะคราวนี้นอกจากจะได้ข้อมูลดวงจันทร์และดาวอังคารที่ละเอียดขึ้นแล้ว ยังมีภาพจากดาวพุธ ศุกร์ กับดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดี และเสาร์ โถมเข้ามาอีก
เมื่องานเพิ่มคณะอนุกรรมการจึงต้องขยับขยาย มีการแบ่งเป็นกลุ่มย่อยสำหรับดวงจันทร์ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร และระบบสุริยะรอบนอก และเพิ่มกลุ่มสำหรับภูมิสถานบนดาวเคราะห์น้อยและดาวหางขึ้นใหม่ในปี 1984
พึงสังเกตว่าการตั้งชื่อสามารถทำได้เฉพาะกับดาวเคราะห์และดวงจันทร์ที่เป็นก้อนหิน รวมทั้งดาวเคราะห์น้อยเท่านั้น จะตั้งชื่อให้อะไรบนดาวเคราะห์แก๊สขนาดยักษ์—พฤหัสบดี เสาร์ ยูเรนัส และเนปจูน—ไม่ได้ เพราะผิวนอกที่เราเห็นมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ชื่อที่ใช้ตั้งมาจากชื่อสถานที่ ชื่อบุคคล ชื่อในวรรณกรรม และตำนาน จากทุกประเทศทั่วโลก ตัวอย่างเช่น เมื่อกำหนดให้ตั้งชื่อภูมิลักษณ์แบบเหวแคบลึกบนดาวศุกร์ (chasma – คาสมา) ตามชื่อเทพธิดาแห่งการล่าสัตว์ หรือเทพธิดาพระจันทร์ ชื่อแต่ละร่องก็จะเป็นชื่อตามแนวกำหนดนี้ อาทิ
JunoChasma จูโนเป็นเทพีแห่งท้องฟ้าของโรมัน ที่คู่กับจูปิเตอร์
AranyaniChasma อรัญญานีเป็นเทวีแห่งป่าของอินเดีย
DewiRatih Chasma เทวีรตีเป็นเทพธิดาพระจันทร์ของบาหลี
Nang-byonChasma นางบยอน (?) เป็นเทพธิดาพระจันทร์ของชาวไทขาวในเวียตนาม
DianaChasma ไดอานาเป็นเทพธิดาพระจันทร์และการล่าสัตว์ของโรมัน
ArtemisChasma อาร์เทมิสเป็นเทพธิดาพระจันทร์และการล่าสัตว์ของกรีก
ต่อไปนี้คือมาตรฐานล่าสุดสำหรับการตั้งชื่อภูมิสถานบนดาวเคราะห์ชั้นในคือดาวพุธ-ศุกร์-อังคาร และดวงจันทร์ของโลก ที่กำหนดโดยของสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล (ดวงจันทร์ของดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ชั้นนอก ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี เสาร์ ยูเรนัส และเนปจูน กับดาวพลูโต ต่างมีมาตรฐานตั้งชื่อทั้งสิ้น แต่ไม่ได้นำมาลงในที่นี้)
จะเห็นได้ว่าเกือบทุกกรณีสามารถเอาชื่อจากประเทศหรือวัฒนธรรมต่างๆ ในโลกมาใช้ได้ ซึ่งคณะอนุกรรมการก็ได้พยายามทำอย่างนั้นโดยเสมอภาค คือหยิบจากที่โน่นที่นี่มาตามส่วนของทวีปและประเทศที่มีในโลก รวมทั้งจากประเทศไทย
ด้วยเหตุนี้จึงมีบางส่วนของเมืองไทยอยู่บนดาวอังคารดังนี้
หลุมขนาดเล็กบนดาวอังคาร7 หลุม
Chatturatอ.จัตุรัส (ชัยภูมิ)
Kantangอ.กันตัง (ตรัง)
Nanจ.น่าน
Phonอ.พล (ขอนแก่น)
Takจ.ตาก
Thomไม่พบชื่อนี้โดยตรงแต่มี อ. นาทม (นครพนม)
Yalaจ.ยะลา
กับหุบเขาหนึ่งหุบ
DaoVallisหุบเขาดาว
และบนดาวศุกร์
DhoraniCoronaทรงกลดแห่งแม่พระธรณี
PhraNaret Coronaทรงกลดแห่งพระนเรศ ฝรั่งบอกว่าเป็นเทพนารีแห่งความอุดมสมบูรณ์ของไทย แต่สงสัยตำราที่เขาใช้อ้างอิงจะเข้าใจผิด พระนเรศโดยทั่วไปหมายถึงพระนเรศวร
นอกจากคำไทยแล้วชื่อที่คนไทยรู้จักที่ถูกเอาไปเป็นชื่อภูมิสถานนอกโลกยังมึอยู่อีกมาก เช่น
Kuan-YinCoronaดาวศุกร์ทรงกลดแห่งเจ้าแม่กวนอิม
Budhpateraดาวพุธแอ่งพระพุธ
คำไทยบนดาวอื่นมีเพียงเท่านี้หรือจะมีอะไรได้ใช้ชื่อไทยอีกหรือเปล่า
ตราบเท่าที่มนุษย์มีความอยากรู้อยากเห็นและมีคนออกเงินเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นนั้น การสำรวจดาวเคราะห์ในระบบสุริยะก็จะดำเนินต่อไปอย่างไม่สิ้นสุดทั้งในทางกว้างและทางลึก การค้นพบใหม่ ๆ ย่อมเกิดขึ้น ฉะนั้น โอกาสที่ภูมิสถานนอกโลกจะเป็นคำไทยจึงยังเป็นไปได้เสมอ
หมายเหตุ:ข้อมูลและภาพ ได้มาจากเว็บของ U.S. Geological Survey
*บทความเผยแพร่ครั้งแรกในวารสารทางช้างเผือก ฉบับกรกฎาคม พ.ศ. 2546
คนไทยไปตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารแล้วหรือ
ถ้าใช่คงน่าตื่นเต้นทีเดียว
ถึงกระนั้น
เรื่องชื่อบ้านเมืองในประเทศไทยกับคำไทยไปนอกโลกนี้
บาทหลวงนิกายเยซูอิตชื่อ
ในปี
ดังนั้น
ถึงจะไม่ต้องเริ่มจากศูนย์
ดาวอังคารเป็นเทห์ฟากฟ้าแห่งที่สองที่ได้รับการกำหนดชื่อภูมิสถาน
ยุคอวกาศเปิดฉากขึ้นพร้อมกับการส่งสปุตนิก
เมื่องานเพิ่ม
พึงสังเกตว่า
ชื่อที่ใช้ตั้ง
Juno
Aranyani
Dewi
Nang-byon
Diana
Artemis
ต่อไปนี้คือมาตรฐานล่าสุดสำหรับการตั้งชื่อภูมิสถานบนดาวเคราะห์ชั้นใน
ดาวพุธ
crater | หลุม | ศิลปิน, |
mons | ภูเขา | มีแห่งเดียว |
planitia | ที่ราบต่ำ | ชื่อดาวพุธ |
rupes | ผาชัน | ชื่อเรือสำรวจที่พาไปสู่การค้นพบ |
vallis | หุบเขา | ชื่อกล้องโทรทรรศน์วิทยุ |
ดาวศุกร์
astrum | พื้นที่รูปแฉก | เทพธิดา |
chasma | เหวแคบลึก | เทพธิดาแห่งการล่าสัตว์ |
colles | เนิน | เทพธิดาสมุทร |
corona | ทรงกลด | เทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์ |
crater | หลุม | กว้างกว่า ต่ำกว่า |
dorsum | สันเขา | เทพธิดาแห่งท้องฟ้า |
farrum | โครงสร้างทรงจาน | ชื่อเทพธิดาวารี |
fluctus | รอยน้ำไหล | เทพธิดาอื่น |
fossa | ร่องยาวตื้น | เทพธิดาสงคราม |
labyrinthus | หุบเขาสลับซับซ้อน | เทพธิดาทั่วไป |
linea | รอยยาว | เทพธิดาสงคราม |
mons | ภูเขา | เทพธิดาทั่วไป |
patera | แอ่งขอบไม่สม่ำเสมอ | สตรีผู้มีชื่อเสียง |
planitia | ที่ราบต่ำ | วีรสตรีในเทพปกรณัม |
planum | ที่ราบสูง | เทพธิดาแห่งความเจริญรุ่งเรื่อง |
regio | บริเวณสว่างหรือมืดเป็นพิเศษ | ยักษิณี, |
rupes | ผาชัน | เทพธิดาแห่งเตาไฟหรือบ้านเรือน |
tessera | พื้นแตกลายงา | เทพธิดาแห่งชะตากรรมและโชคลาภ |
terra | แผ่นดิน | เทพธิดาแห่งความรัก |
tholus | เนินรูปโดม | เทพธิดาอื่น |
undae | เนิน | เทพธิดาแห่งทะเลทราย |
vallis | หุบเขา | ยาวเกิน |
ดวงจันทร์
crater, | หลุม, | หลุม |
lacus, | ทะเลสาบ, | คำละตินสำหรับภูมิอากาศ |
montes | ภูเขา | ชื่อเทือกเขาบนโลก |
rupes | ผาชัน | ใช้ชื่อตามเทือกเขาใกล้ |
vallis | หุบเขา | ใช้ชื่อตามภูมิสถานใกล้เคียง |
ดาวอังคาร
crater | หลุมขนาดใหญ่ | นักวิทยาศาสตร์ผู้มีส่วนสร้างความก้าวหน้าแก่การศึกษาดาวอังคาร, |
หลุมขนาดเล็ก | ชื่อเมืองในโลก | |
vallis | หุบเขาขนาดใหญ่ | คำว่า |
หุบเขาขนาดเล็ก | ชื่อแม่น้ำในสมัยโบราณ | |
other | ภูมิลักษณ์อื่น | ใช้ชื่อจากจุดที่ใกล้ที่สุดในแผนที่ของเชียปาเรลลีหรือแอนโทเนียดี |
จะเห็นได้ว่าเกือบทุกกรณีสามารถเอาชื่อจากประเทศหรือวัฒนธรรมต่าง
ด้วยเหตุนี้จึงมีบางส่วนของเมืองไทยอยู่บนดาวอังคาร
หลุมขนาดเล็กบนดาวอังคาร
Chatturatอ.
Kantangอ.
Nanจ.
Phonอ.
Takจ.
Thomไม่พบชื่อนี้โดยตรง
Yalaจ.
กับหุบเขาหนึ่งหุบ
Dao
และบนดาวศุกร์
Dhorani
Phra
นอกจากคำไทยแล้ว
Kuan-Yin
Budh
คำไทยบนดาวอื่นมีเพียงเท่านี้หรือ
ตราบเท่าที่มนุษย์มีความอยากรู้อยากเห็น
รูปหลุมอุกกาบาตชื่อไทยบนดาวอังคาร
หมายเหตุ:
*