นับจากเดือนกันยายนปีที่แล้ว นักดาราศาสตร์เริ่มสังเกตเห็นว่าดาวเบเทลจุสเริ่มหรี่แสงลงอย่างผิดสังเกต จนถึงเดือนธันวาคม ความสว่างที่ลดลงไปของดาวดวงนี้ถึงกับสังเกตได้แม้จะมองด้วยตาเปล่า วันนี้มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการหรี่แสงของดาวดวงนี้
เมื่อวันที่22 มกราคม นักดาราศาสตร์ผู้ค้นพบการหรี่แสงครั้งนี้ได้เป็นคณะแรก ได้แก่ เอ็ดเวิร์ด ไกแนน และ ริชาร์ด เวซาโทนิก จากมหาวิทยาลัยวิลลาโนวา ได้รายงานว่าดาวเบเทลจุสยังคงหรี่แสงลงไปอีกนับจากที่มีการเสนอข่าวไปเมื่อครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตามอัตราการหรี่แสงเริ่มช้าลง
ดาวเบเทลจุสเป็นดาวยักษ์ใหญ่แดงอยู่ในกลุ่มดาวนายพราน ตามเส้นทางวิวัฒนาการดาวฤกษ์ ดาวดวงนี้ได้หลุดออกจากแถบลำดับหลักมาเมื่อราวหนึ่งล้านปีก่อน และเริ่มเข้าสู่การเป็นดาวยักษ์ใหญ่ตั้งแต่ 40,000 ที่แล้ว ขณะนี้มีวิวัฒนาการมาจนถึงใกล้ถึงบั้นปลายของอายุขัยของดาวฤกษ์ เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ดาวจะผลาญไฮโดรเจนไปจนดาวไม่อาจต้านแรงโน้มถ่วงของตัวเองได้ แก่นของดาวจะยุบลงและระเบิดออกมาเป็นซูเปอร์โนวา ซูเปอร์โนวาชนิดนี้จึงเรียกว่า ซูเปอร์โนวาแก่นยุบ
ดาวเบเทลจุสเป็นดาวแปรแสงชนิดที่เรียกว่าดาวแปรแสงกึ่งสม่ำเสมอ นักดาราศาสตร์พบว่ามีวัฏจักรการแปรแสงหลายวัฏจักรซ้อนทับกัน วัฏจักรหนึ่งมีคาบ 420 วัน อีกวัฏจักรหนึ่งมีคาบ 5-6 ปี และวัฏจักรที่สามมีคาบประมาณ 100-180 วัน การแปรแสงของเบเทลจุสที่ผ่านมาจึงมักพยากรณ์และอธิบายได้ แต่การหรี่แสงลงอย่างต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย
นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองรายงานว่านับจากเดือนกันยายนปีที่แล้ว ความสว่างของเบเทลจุสได้ลดลงไปถึง 25 เปอร์เซ็นต์แล้ว และอุณหภูมิลดลงไปประมาณ 100 เคลวิน และมีขนาดใหญ่ขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์
นักดาราศาสตร์มองว่าเหตุการณ์นี้เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ศึกษาปรากฏการณ์การหรี่แสงของดาวฤกษ์ได้อย่างใกล้ชิดเพราะดาวเบเทลจุสอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เพียงประมาณ 650 ปีแสงซึ่งถือว่าใกล้ ดาวเบเทลจุสเป็นดาวฤกษ์ดวงเดียวบนท้องฟ้านอกจากดวงอาทิตย์ที่นักดาราศาสตร์สามารถถ่ายภาพแสดงความแตกต่างของพื้นผิวดาวได้
ในขณะที่มีบางคนสงสัยว่าการหรี่แสงนี้อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นว่าดาวเบเทลจุสกำลังจะระเบิดเป็นซูเปอร์โนวา แต่นักฟิสิกส์ดาวฤกษ์ไม่คิดเช่นนั้น การศึกษาดาวฤกษ์มาเป็นจำนวนมากทำให้เขาค่อนข้างจะเชื่อว่าดาวเบเทลจุสจะยังไม่ระเบิดไปอีกหลายหมื่นปี
จนถึงขณะนี้มีทฤษฎีหลักสองทฤษฎีที่อาจอธิบายปรากฏการณ์การหรี่แสงของเบเทลจุสในครั้งนี้ ทฤษฎีหนึ่งอธิบายว่า บนพื้นผิวดาวเบเทลจุสอาจเกิดหย่อมคล้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากกระแสไหลวนของแก๊สร้อนที่อยู่ลึกลงไปใต้ผิวดาว และคงค้างอยู่เป็นเวลานาน จุดมืดขนาดใหญ่ทำให้ความสว่างรวมของดาวลดลงไป
บางทีอาจไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายในดาวแต่เกิดจากสิ่งภายนอกดาวที่มาบดบังแสงของดาวไป เช่นกลุ่มแก๊สหรือฝุ่นที่เบเทลจุสพ่นออกมาก่อนหน้า
อย่างไรก็ตามพฤติกรรมของดาวเบเทลจุสขณะนี้ ก็ถือว่าไม่ปกติ และต้องเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด
หากดาวเบเทลจุสระเบิดขึ้นมาในช่วงชีวิตเราจริงๆ จะเป็นปรากฏการณ์ท้องฟ้าที่น่าตื่นเต้นมาก ด้วยระยะที่ใกล้มากของดาวนี้ ซูเปอร์โนวาเบเทลจุสจะสว่างมากจนมองเห็นได้แม้เวลากลางวัน อาจเป็นรองเพียงพระจันทร์เพ็ญเท่านั้น นักดาราศาสตร์บางคนประเมินว่ามันอาจจะสว่างกว่าดวงจันทร์เสียด้วยซ้ำ ซูเปอร์โนวาจะคงความสว่างจ้าอย่างนั้นอยู่นานหลายเดือน ก่อนจะค่อย ๆ หรี่แสงลงไป หลังจากการระเบิดผ่านไปราวสามปี ความสว่างจะเหลือใกล้เคียงกับความสว่างปัจจุบัน และเมื่อการระเบิดผ่านไปหกปี ดาวก็จะหรี่ไปมากจนมองไม่เห็นอีกเลย เมื่อถึงวันนั้น กลุ่มดาวนายพรานที่เราคุ้นเคยก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เมื่อวันที่
ดาวเบเทลจุสเป็นดาวยักษ์ใหญ่แดง
ดาวเบเทลจุสเป็นดาวแปรแสงชนิดที่เรียกว่า
นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองรายงานว่า
นักดาราศาสตร์มองว่าเหตุการณ์นี้เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ศึกษาปรากฏการณ์การหรี่แสงของดาวฤกษ์ได้อย่างใกล้ชิด
ในขณะที่มีบางคนสงสัยว่า
จนถึงขณะนี้
บางทีอาจไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายในดาว
อย่างไรก็ตาม
หากดาวเบเทลจุสระเบิดขึ้นมาในช่วงชีวิตเราจริง