ดาวหางจื่อจินซาน-แอตลัส (C/2023 A3)
ดาวหางที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงกันมากที่สุดในขณะนี้คงหนีไม่พ้นดาวหางจื่อจินซาน-แอตลัส หรืออาจเรียกย่อ ๆ ว่าเอ 3 เนื่องจากกำลังมีความสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงแรกจะปรากฏบนท้องฟ้าเวลาเช้ามืด สังเกตได้ถึงประมาณวันที่ 6-7 ตุลาคม 2567 หลังจากนั้นดาวหางจะอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ กลับมาให้เห็นอีกครั้งบนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำตั้งแต่ประมาณวันที่ 11-12 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป
ดาวหางดวงนี้มีชื่อในบัญชีดาวหางว่าซี/2023 เอ3 (จื่อจินซาน-แอตลัส) - C/2023 A3 (Tsuchinshan-ATLAS) บ่งบอกว่าเป็นดาวหางดวงที่ 3 ที่ค้นพบในครึ่งแรกของเดือนมกราคม ค.ศ. 2023 ชื่อดาวหางตั้งตามผู้ค้นพบ ซึ่งเป็นการค้นพบจากภาพถ่ายของหอดูดาวจื่อจินซาน ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู ประเทศจีน และภาพถ่ายในโครงการแอตลัส (ATLAS ย่อมาจาก Asteroid Terrestrial-impact Last Alert System) ซึ่งเป็นโครงการค้นหาวัตถุที่อาจพุ่งชนโลก
ขณะค้นพบดาวหางอยู่ในกลุ่มดาวงูห่างดวงอาทิตย์ถึง 7.7 หน่วยดาราศาสตร์ ซึ่งอยู่ระหว่างวงโคจรของดาวพฤหัสบดีกับดาวเสาร์ หลังจากนั้นดาวหางได้เคลื่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น จะผ่านจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่ 27 กันยายน 2567 (ตามเวลาสากล) ที่ระยะห่าง 0.3914 หน่วยดาราศาสตร์ และใกล้โลกที่สุดในวันที่ 12 ตุลาคม 2567 ที่ระยะห่าง 0.4724 หน่วยดาราศาสตร์ (71 ล้านกิโลเมตร)
ผลการคำนวณในตอนแรกคาดว่าดาวหางอาจสว่างที่สุดในปลายเดือนกันยายน-ต้นเดือนตุลาคมที่ราวโชติมาตร 0 เทียบได้กับดาวเวกาในกลุ่มดาวพิณ ช่วงกลางเดือนเมษายน 2567 อัตราการเพิ่มขึ้นของความสว่างได้ชะลอตัวลง ทำให้สว่างน้อยกว่าที่คาดไว้ เมื่อถึงต้นเดือนตุลาคมอาจสว่างที่สุดราวโชติมาตร 2 เท่านั้น (เทียบได้กับดาวเหนือในกลุ่มดาวหมีเล็ก)
อย่างไรก็ตามนักดาราศาสตร์พบว่าดาวหางดวงนี้ผลิตฝุ่นออกมามาก ตำแหน่งที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ในมุมมองจากโลกทำให้แสงอาทิตย์ที่ส่องมาจากด้านหลังเกิดการกระเจิงเมื่อกระทบกับแก๊สและฝุ่นของดาวหาง หนุนให้ดาวหางสว่างขึ้นได้หลายอันดับ อาจทำให้มีโชติมาตร -4 หรือสว่างกว่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ทว่าวันนั้นดาวหางอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มาก ไม่สามารถสังเกตได้ภายใต้ฟ้ามืด
การสังเกตดาวหางในเวลาเช้ามืด
ขณะนี้ประเทศไทยสามารถสังเกตดาวหางดวงนี้ได้บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดทางทิศตะวันออกมีตำแหน่งอยู่ทางขวามือของกลุ่มดาวสิงโต ดาวหางยังไม่ค่อยสว่างนักและอยู่ใกล้ขอบฟ้ามาก ขึ้นก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น จึงมีแสงอรุณรุ่งรบกวน ข้อจำกัดนี้ทำให้ต้องหาสถานที่ซึ่งขอบฟ้าทิศตะวันออกเปิดโล่ง อาจต้องอยู่บนที่สูงหรือใกล้ชายฝั่งทะเลที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก โดยปรกติเรามักแนะนำให้ดูดาวในที่ห่างไกลจากตัวเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงมลพิษทางแสงและหมอกควันในอากาศที่บดบังท้องฟ้าใกล้ขอบฟ้า แต่ในกรณีนี้ตำแหน่งของดาวหางที่อยู่ไม่ไกลจากดวงอาทิตย์นัก ทำให้แสงของท้องฟ้ายามเช้าอาจเป็นอุปสรรคมากกว่า ตาเปล่าเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แนะนำให้สังเกตด้วยกล้องสองตาหรือกล้องโทรทรรศน์
รายงานเมื่อวันที่25 กันยายน ดาวหางสว่างที่โชติมาตร 3 แม้ว่าจากตัวเลขนี้ดูเหมือนสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่การสังเกตการณ์จริงทำได้ยากกว่าปรกติเนื่องจากท้องฟ้าฉากหลังไม่ได้มืดสนิท แนวโน้มโดยทั่วไป ดาวหางควรจะสว่างขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตได้ถึงวันที่ 6-7 ตุลาคม เท่านั้น (คาดว่าอาจสว่างที่โชติมาตร -1 เมื่อรวมผลจากการกระเจิงของแสง)
หลังจากนั้นดาวหางจะอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกเกือบพร้อมกับดวงอาทิตย์ จึงไม่สามารถสังเกตได้ และเป็นช่วงที่สว่างที่สุด ดาวหางจะปรากฏในภาพถ่ายของกล้องคอโรนากราฟบนยานโซโฮระหว่างวันที่ 7-11 ตุลาคม 2567 โดยมีระยะเชิงมุมจากดวงอาทิตย์ประมาณ 3°-9°
การสังเกตดาวหางในเวลาหัวค่ำ
กลางเดือนตุลาคมดาวหางทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์มากขึ้นจนปรากฏบนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำทางทิศตะวันตก เริ่มเห็นได้ตั้งแต่วันที่ 11 หรือ 12 ตุลาคม 2567 คาดว่าในวันที่ 12 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันใกล้โลกที่สุด อาจสว่างราวโชติมาตร -1.5 (เมื่อรวมการกระเจิงของแสง) อย่างไรก็ตาม ดาวหางมีตำแหน่งอยู่ใกล้ขอบฟ้า ความสว่างที่เห็นได้จริงอาจน้อยกว่านี้ (ทำนองเดียวกับที่เราเห็นดวงอาทิตย์สว่างน้อยลงมากเมื่อเพิ่งขึ้นหรือกำลังจะตกลับขอบฟ้า)
ดาวหางน่าจะมีความสว่างลดลงทุกวันตามระยะห่างจากโลกและดวงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์มากขึ้นด้วย ในเบื้องต้นคาดว่าความสว่างจะลดลงจนเกินขอบเขตที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า (โชติมาตร 6) ในราวต้นเดือนพฤศจิกายน
อุปสรรคที่น่ากังวลคือขณะนี้เป็นปลายฤดูฝนอาจมีเมฆมากและฝนตกหลายวัน จึงควรตรวจสอบพยากรณ์อากาศ ภาพถ่ายดาวเทียม และแผนที่อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาประกอบด้วย
●เวลาเริ่มและสิ้นสุดแสงสนธยาสำหรับกรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ ตรวจสอบได้ที่เวลาเกิดแสงสนธยาและเวลาดวงอาทิตย์ขึ้น-ตก
●โชติมาตรเมื่อรวมการกระเจิงของแสงเป็นผลจากการคำนวณทางทฤษฎี ความสว่างจริงอาจแตกต่างจากความคาดหมาย
●C/2023 A3 (Tsuchinshan-ATLAS) - Solar System Dynamics (JPL/NASA)
●C/2023 A3 (Tsuchinshan-ATLAS) - Seiichi Yoshida
●CBET 5445 - Central Bureau for Astronomical Telegrams
●รู้จักดาวหาง
●แผนที่ฟ้าออนไลน์ แสดงตำแหน่งดาวและวัตถุท้องฟ้าในเวลาจริง
ดาวหางดวงนี้มีชื่อในบัญชีดาวหางว่า
ขณะค้นพบดาวหางอยู่ในกลุ่มดาวงู
ผลการคำนวณในตอนแรกคาดว่าดาวหางอาจสว่างที่สุดในปลายเดือนกันยายน-ต้นเดือนตุลาคม
อย่างไรก็ตาม
การสังเกตดาวหางในเวลาเช้ามืด (ปลายเดือนกันยายนถึงวันที่ 6-7 ตุลาคม)
ขณะนี้ประเทศไทยสามารถสังเกตดาวหางดวงนี้ได้บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดทางทิศตะวันออก
รายงานเมื่อวันที่
หลังจากนั้นดาวหางจะอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์
วันที่ | โชติมาตร | โชติมาตรเมื่อรวม การกระเจิงของแสง | มุมเงยเมื่อเริ่มสนธยาเดินเรือ (ดวงอาทิตย์อยู่ใต้ขอบฟ้า |
---|---|---|---|
พฤหัสบดี, | 2.9 | - | 9° |
ศุกร์, | 2.8 | - | 9° |
เสาร์, | 2.7 | - | 9° |
อาทิตย์, | 2.6 | 2.3 | 9° |
จันทร์, | 2.5 | - | 9° |
อังคาร, | 2.5 | - | 8° |
พุธ, | 2.4 | 1.3 | 7° |
พฤหัสบดี, | 2.3 | - | 6° |
ศุกร์, | 2.3 | - | 5° |
เสาร์, | 2.3 | -0.2 | 3° |
อาทิตย์, | 2.2 | -1.0 | 1° |
การสังเกตดาวหางในเวลาหัวค่ำ (ตั้งแต่วันที่ 11-12 ตุลาคม เป็นต้นไป)
กลางเดือนตุลาคม
ดาวหางน่าจะมีความสว่างลดลงทุกวันตามระยะห่างจากโลกและดวงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย
วันที่ | โชติมาตร | โชติมาตรเมื่อรวม การกระเจิงของแสง | มุมเงยเมื่อสิ้นสุดสนธยาเดินเรือ (ดวงอาทิตย์อยู่ใต้ขอบฟ้า |
---|---|---|---|
เสาร์, | 2.4 | -1.5 | 3° |
อาทิตย์, | 2.6 | -0.4 | 7° |
จันทร์, | 2.7 | 0.4 | 12° |
อังคาร, | 2.8 | 1.1 | 16° |
พุธ, | 3.0 | - | 20° |
พฤหัสบดี, | 3.2 | - | 23° |
ศุกร์, | 3.4 | 2.7 | 27° |
เสาร์, | 3.6 | - | 30° |
อาทิตย์, | 3.7 | - | 32° |
จันทร์, | 3.9 | 3.7 | 34° |
อังคาร, | 4.1 | - | 36° |
พุธ, | 4.3 | - | 38° |
อุปสรรคที่น่ากังวลคือขณะนี้เป็นปลายฤดูฝน
หมายเหตุ
●
●
แหล่งข้อมูล
●
●
●
ดูเพิ่ม
●
●