เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2543 ศูนย์สิ่งแวดล้อมอวกาศ (Space Environment Center) ของ NOAA ได้ตรวจพบการลุกจ้าที่รุนแรงบนดวงอาทิตย์เมื่อเวลา 15.25 น. UTC การลุกจ้าที่เกิดขึ้นในครั้งนี้หันมาทางโลกพอดี นั่นหมายความว่า การลุกจ้านี้ย่อมทำให้เกิดพายุแม่เหล็กขึ้นบนโลก หลังจากเกิดการลุกจ้าในครั้งนั้น ได้เกิดการพ่นมวลคอโรนาขนาดใหญ่ตามมา ซึ่งสาดพลาสมานับพันล้านตันมายังโลก การลุกจ้าที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จัดอยู่ในระดับ X ซึ่งเป็นระดับรุนแรงที่สุด ทำให้เกิดพายุสุริยะที่มีความรุนแรงมากกว่าครั้งที่เกิดช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาถึง 20 เท่า
อีกสองวันถัดมามีรายงานจากผู้สังเกตการณ์บนพื้นโลกหลายแห่งว่าเกิดแสงเหนือสว่างไสวขึ้น แต่นับว่าโชคดีที่ไม่มีรายงานความเสียหายของระบบสื่อสารหรือระบบส่งจ่ายกำลังแต่อย่างใด
การลุกจ้าที่รุนแรงและหันมาทางโลกสามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์หลายอย่างบนโลก เช่นปรากฏการณ์แสงเหนือใต้ และหากรุนแรงมากก็อาจสร้างความเสียหายให้กับดาวเทียมที่โคจรอยู่รอบโลกหรือระบบการส่งจ่ายไฟฟ้าและทำให้เกิดไฟฟ้าดับได้ ดังที่เคยเกิดมาแล้วที่รัฐควิเบกและนิวเจอร์ซีในแคนาดาเมื่อ 10 กว่าปีก่อน
ปัจจุบันมีดาวเทียมหลายดวงที่ทำหน้าที่สำรวจดวงอาทิตย์และคอยตรวจจับพายุสุริยะหรือพายุแม่เหล็กที่จะพัดมาสู่โลก หนึ่งในจำนวนนี้คือ ดาวเทียม เอซ (ACE) ของนาซา สามารถตรวจจับพายุแม่เหล็กที่เกิดจากการลุกจ้าบนดวงอาทิตย์ได้ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนที่พายุจะพัดมาถึงโลก
อีกสองวันถัดมา
การลุกจ้าที่รุนแรงและหันมาทางโลก
ปัจจุบัน