วันที่ 8 สิงหาคม 2564 เวลา 22:20 น. ตามเวลาสากล หรือเช้ามืดวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ตามเวลาประเทศไทย คีท เกียรี นักดาราศาสตร์ในไอร์แลนด์รายงานการค้นพบการปะทุความสว่างของโนวาในกลุ่มดาวคนแบกงู ดาวดวงนี้มีชื่อว่าอาร์เอสคนแบกงู (RS Ophiuchi) ตามระบบการเรียกชื่อดาวแปรแสง ซึ่งเป็นดาวที่มีความสว่างผันแปรตามเวลา อักษรอาร์เอสใช้กับดาวแปรแสง ส่วนคนแบกงูคือกลุ่มดาวที่ดาวแปรแสงดวงนี้ปรากฏอยู่
อาร์เอสคนแบกงูจัดเป็นโนวา(nova) ชนิดหนึ่ง เรียกว่าโนวาสว่างซ้ำ เนื่องจากพบการปะทุความสว่างหลายครั้ง คาดว่าโนวาสว่างซ้ำเกิดในระบบดาวคู่ที่ดาวสองดวงโคจรรอบกันและกัน ดวงหนึ่งเป็นดาวยักษ์แดง อีกดวงหนึ่งเป็นดาวแคระขาว ดาวทั้งสองอยู่ใกล้กันจนแก๊สซึ่งส่วนใหญ่คือไฮโดรเจนของดาวยักษ์แดงถูกแรงโน้มถ่วงของดาวแคระขาวดึงให้ไหลไปวนอยู่รอบ ๆ การปะทุความสว่างเกี่ยวข้องกับกระบวนการสะสมของแก๊สที่ทำให้อุณหภูมิสูงจนจุดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ขึ้นบนพื้นผิวของดาวแคระขาว ระบบดาวคู่จึงมีความสว่างเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่า
ดาวคู่ในระบบดาวอาร์เอสคนแบกงูอยู่ห่างโลกประมาณ5,000 ปีแสง โคจรรอบกันด้วยคาบ 454 วัน การปะทุความสว่างแต่ละครั้งทิ้งช่วงห่างกันเฉลี่ยนาน 15 ปี ก่อนหน้านี้นักดาราศาสตร์ได้บันทึกการปะทุความสว่างของโนวาดวงนี้มาแล้วหลายครั้ง (ค.ศ. 1898, 1933, 1958, 1967, 1985 และ 2006) ช่วงแรกความสว่างจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง แล้วค่อย ๆ จางลง
โดยทั่วไปอาร์เอสคนแบกงูสว่างที่โชติมาตร 12.5 ซึ่งไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า แต่เมื่อเกิดการปะทุ ความสว่างจะเพิ่มขึ้นไปที่ราวโชติมาตร 5 ซึ่งพอจะเห็นได้ด้วยตาเปล่าในสถานที่ห่างไกลจากใจกลางเมืองใหญ่ หลังจากการค้นพบไม่นาน นักดาราศาสตร์รายงานว่าอุปกรณ์บนกล้องโทรทรรศน์อวกาศแฟร์มี (Fermi Gamma-ray Space Telescope) ได้ตรวจพบการปะทุของแหล่งรังสีแกมมาบนท้องฟ้าบริเวณตำแหน่งของดาวอาร์เอสคนแบกงู
อาร์เอสคนแบกงูจัดเป็นโนวา
ดาวคู่ในระบบดาวอาร์เอสคนแบกงูอยู่ห่างโลกประมาณ
โดยทั่วไป