สมาคมดาราศาสตร์ไทย

ฝุ่น PM2.5 หรือจะสู้ฝุ่นดวงจันทร์

ฝุ่น PM2.5 หรือจะสู้ฝุ่นดวงจันทร์

โดย: วิมุติ วสะหลาย (wimut@hotmail.com) 26 มกราคม 2568
ช่วงนี้ไปไหนมีแต่คนบ่นเรื่องของฝุ่น PM2.5 ซึ่งคงกลายเป็นเทศกาลประจำปีไปแล้วที่เมื่อถึงฤดูหนาว 
 ความกดอากาศสูง อากาศนิ่ง บวกกับตรงกับฤดูที่มีการเผาครั้งใหญ่ในภาคการเกษตร ทำให้ช่วงนี้ของปีกลายเป็นฤดูฝุ่นไปด้วย ฝุ่นเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของทุกคน เป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันหาทางแก้ไขอย่างยั่งยืน มิใช่เป็นเพียงการแก้ไขเฉพาะหน้าเพื่อดับกระแสเป็นคราว ๆ ไป 

ฝุ่นดูจะเป็นปัญหาได้ทุกที่ ไม่ใช่แค่บนโลกเท่านั้น บนดวงจันทร์ก็ไม่เว้น ถ้าคิดว่าฝุ่น PM2.5 บนโลกอันตรายแล้ว ฝุ่นบนดวงจันทร์โหดกว่ามาก 

พื้นผิวดวงจันทร์เต็มไปด้วยฝุ่น หากตักดินจากพื้นดวงจันทร์เฉพาะพื้นผิวลึกไม่เกิน 1-2 เซนติเมตร ดินที่ได้มาจะเป็นฝุ่นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ฝุ่นดวงจันทร์มีขนาดเล็กละเอียดเหมือนแป้ง มีขนาดเล็กได้ถึงต่ำกว่า ไมครอน (PM1)  ฝุ่นบนดวงจันทร์เกิดจากการแตกหักของหินที่เกิดจากการปริแตกตามการขยายและหดตัวและจากการชนของอุกกาบาตน้อยใหญ่เป็นเวลานับพันล้านปี บนดวงจันทร์ไม่มีสภาพลมฟ้าอากาศที่จะช่วยลบคมของฝุ่นได้ ฝุ่นที่เกิดมาจึงยังคงสภาพดั้งเดิม เมื่อส่องเม็ดฝุ่นด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะพบว่าเม็ดฝุ่นบนดวงจันทร์มีลักษณะหยักเป็นแง่งเป็นสัน ไม่ใช่เม็ดกลมมนเหมือนฝุ่นบนโลก ทำให้ฝุ่นยึดเกาะกันเองและยึดเกาะกับสิ่งต่าง ๆ ได้ดี  นอกจากนี้พื้นผิวดวงจันทร์ยังได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้ฝุ่นดวงจันทร์มีสมบัติเป็นประจุไฟฟ้า สิ่งนี้ยิ่งทำให้ฝุ่นดวงจันทร์ยึดเกาะกับสิ่งต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น 

ภาพขยายจากกล้องจุลทรรศน์ของฝุ่นดวงจันทร์ที่นำกลับมาโดยภารกิจอะพอลโล 17  

คนที่มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับฝุ่นดวงจันทร์ดีที่สุด เห็นจะไม่มีใครเกินมนุษย์อวกาศในโครงการอะพอลโลที่เคยไปดวงจันทร์เมื่อกว่าครึ่งศตวรรษก่อน แม้ขณะที่ไปเดินบนดวงจันทร์จะไม่ได้สัมผัสฝุ่นเพราะมีชุดอวกาศที่ปกป้องอย่างแน่นหนา แต่เมื่อกลับเข้ามาในยานแล้วถอดชุดออก ก็จะมีโอกาสได้สัมผัสกับฝุ่นนั้นโดยตรง 

สารรูปที่มอมแมมไปด้วยฝุ่นของ ยูจีน เชอร์แนน หลังจากออกไปเดินบนดวงจันทร์กลับมา 

มนุษย์อวกาศเกือบทุกคนให้การตรงกันว่า ฝุ่นดวงจันทร์มีกลิ่นคล้ายเขม่าดินปืน ซึ่งก็นับว่าน่าแปลก เพราะฝุ่นดวงจันทร์ไม่มีองค์ประกอบใดใกล้เคียงดินปืนเลย นอกจากมีกลิ่นชวนพิศวงแล้วฝุ่นดวงจันทร์ยังทำให้เกิดการระคายเคืองรุนแรงอีกด้วย คนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดคือ แฮร์ริสัน ชมิตต์ มนุษย์อวกาศในโครงการอะพอลโล 17 ซึ่งบันทึกไว้ว่า หลังจากที่ตนได้สูดเอาฝุ่นดวงจันทร์เข้าไป ก็มีอาการคล้ายกับเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ จาม น้ำตาไหล และเจ็บคอ 

ฝุ่นดวงจันทร์ที่ติดมากับชุดอวกาศเป็นปัญหามากในภารกิจอะพอลโล ความคมของฝุ่นทำให้เส้นใยของชุดถลอกและฉีกขาด ทำให้ซิปติด แถมยังเกาะแน่นจนกำจัดได้ยาก มนุษย์อวกาศเล่าว่าแม้จะพยายามกำจัดด้วยเครื่องดูดฝุ่นก็ออกไม่หมด

อาการดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับมนุษย์อวกาศเป็นเพียงอาการระยะสั้น ส่วนในระยะยาวจะเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบ เพราะไม่เคยมีใครนำฝุ่นมาดมต่อบนโลกยาว ๆ แต่มีกรณีที่น่าจะพอเปรียบเทียบได้คือ การศึกษาผลจากการสูดฝุ่นภูเขาไฟและฝุ่นจากเหมืองถ่านหินซึ่งมีความละเอียดคล้ายฝุ่นดวงจันทร์ พบว่าทำให้มีอาการหลอดลมอักเสบ หายใจมีเสียงฮืดฮาด ระคายเคืองตา และเนื้อเยื่อปอดเป็นแผล นอกจากนี้งานวิจัยบางฉบับยังแสดงว่าฝุ่นยังทำให้ดีเอ็นเอของเซลล์เสียหาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดการกลายพันธุ์หรือจนถึงเป็นมะเร็งปอดได้อีกด้วย 

รอยเท้าของมนุษย์อวกาศบนดวงจนทร์ มีลักษณะเหมือนรอยเท้าบนโคลนทั้งที่บนผิวดวงจันทร์ไม่มีโคลน แต่เหตุที่รอยเท้าคมชัดเพราะฝุ่นบนดวงจันทร์มีลักษณะคมและยึดเกาะกันเองได้ดี จึงคงรูปเป็นรอยดอกรองเท้าได้ 

ในภารกิจอะพอลโล 11 หลังจากที่เสร็จภารกิจบนดวงจันทร์ นีล อาร์มสตรอง และบัซ อัลดรินกลับเข้ามาในลูนาร์มอดูล เมื่อถึงเวลาต้องนอนพัก ทั้งคู่เลือกที่จะนอนโดยสวมหมวกเอาไว้เพราะกลัวว่าจะต้องหายใจเอาฝุ่นเข้าไป ครั้นเมื่อทั้งสองกลับไปยังมอดูลสั่งการแล้วก็ยังมีฝุ่นติดตัวไปอีกมาก เมื่อพบกับคอลลินที่ควบคุมมอดูลสั่งการอยู่ ทั้งคู่ทำได้เพียงจับมือแสดงความยินดีกับคอลลินแทนที่จะเข้าสวมกอดตามธรรมเนียมฝรั่ง เพราะเกรงว่าจะเอาฝุ่นไปเปื้อนเพื่อนเข้า

ถึงแม้ฝุ่นจะอันตรายยังไงก็เถอะ ก็ไม่อาจยับยั้งสัญชาติญาณความอยากรู้อยากเห็นของคนเราได้หรอก จอห์น ยัง ลูกเรือคนหนึ่งในภารกิจอะพอลโล 16 ถึงกับลองชิมฝุ่นดวงจันทร์ดู แล้วก็ให้ความเห็นสั้น ๆ ว่า "ก็ไม่เลวนี่"

ในยุคที่มหาอำนาจทางเทคโนโลยีกลับไปมองดวงจันทร์เป็นเป้าหมายอีกครั้ง นานาประเทศเริ่มจับตาดวงจันทร์เป็นเป้าหมายของการสำรวจอวกาศ นาซาดำเนินโครงการอาร์เทมิสที่จะส่งมนุษย์กลับไปดวงจันทร์อีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้ทำแค่ส่งคนไปสำรวจสามสี่วันแล้วกลับอย่างโครงการอะพอลโล แต่จะถึงกับไปตั้งฐานปฏิบัติการบนดวงจันทร์เลย ส่วนยุโรปก็ถึงกับจะส่งคนไปตั้งที่อยู่อาศัยถาวรบนดวงจันทร์ รัสเซียกับจีนก็มีแผนจะไปตั้งสถานีวิจัยบนดวงจันทร์ ทุกโครงการที่กล่าวมามีโจทย์ใหญ่เหมือนกันข้อหนึ่งคือ จะรับมือกับฝุ่นดวงจันทร์อย่างไร