ยานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์ได้ทำให้วงการดาราศาสตร์ดาวเคราะห์ตื่นตะลึงอีกครั้ง เมื่อพบหลักฐานของน้ำบนดาวอังคารที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นาน ทำให้เชื่อได้ว่า ปัจจุบันอาจยังมีน้ำที่อยู่ในรูปของเหลวอยู่บนดาวอังคาร และยังจุดประกายความหวังที่จะพบสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารได้อีกครั้งหนึ่ง
ยานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์ได้ถ่ายภาพพื้นผิวดาวอังคารด้วยความละเอียดสูงและพบว่ามีพื้นที่ถึงกว่า 120 แห่งที่มีสภาพทางภูมิศาสตร์เหมือนกับเกิดจากการกระทำของน้ำเมื่อไม่นานมานี้
หลักฐานที่พบส่วนใหญ่จะปรากฏตามผนังของหลุมโดยที่ขอบบนของหลุมมีร่องผา เหมือนกับน้ำเซาะพาดผ่าน และมีดอนของตะกอนที่ด้านล่าง ซึ่งลักษณะเหล่านี้คล้ายคลึงกับที่พบในแหล่งน้ำบนโลกอย่างมาก
ไม่เพียงแต่ภาพที่คาดว่าเป็นร่องรอยของแหล่งน้ำที่พบเท่านั้นสิ่งที่สร้างความพิศวงให้แก่นักวิทยาศาสตร์มากยิ่งกว่าก็คือ สถานที่ ๆ พบ เนื่องจากมันเกิดขึ้นในบริเวณที่ไม่น่าจะเกิด คือกระจายอยู่ที่ละติจูด 30 องศาเหนือและ 30 องศาใต้ ซึ่งอยู่ค่อนข้างห่างจากเส้นศูนย์สูตร เพราะว่านักดาราศาสตร์เคยคาดว่าบริเวณที่น่าจะพบน้ำในรูปของเหลวมากที่สุดคือบริเวณศูนย์สูตร ยิ่งกว่านั้น ร่องน้ำเหล่านี้เกิดขึ้นที่ผนังหลุมในด้านที่หันออกจากเส้นศูนย์สูตร ซึ่งเป็นด้านที่ไม่ถูกแสงอาทิตย์
ตามแบบจำลองที่ไมเคิลมาลิน ผู้เขียนรายงานฉบับนี้ และ เคน เอดเจตต์ ได้เสนอขึ้นมา อธิบายว่า สภาพภูมิศาสตร์นี้เกิดขึ้นจากการกระทำของน้ำใต้ดิน น้ำได้ซึมผ่านชั้นหินหนาหลายร้อยเมตรขึ้นมาจนถึงผิวดินบริเวณที่เป็นหน้าหลุมซึ่งมีแผ่นน้ำแข็งปิดอยู่ แรงดันน้ำค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นถึงจุด ๆ หนึ่งก็จะดันจนแผ่นน้ำแข็งแตกออก น้ำจึงพุ่งทะลักออกมาแล้วไหลลงไปตามลาดของผนังหลุม ทำให้เกิดร่องรอยตามที่ยานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์ถ่ายได้ในครั้งนี้
ความจริงแล้วการพบร่องรอยของน้ำบนดาวอังคารไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะนักดาราศาสตร์ได้ค้นพบร่องรอยของน้ำในอดีตบนดาวอังคารมานานหลายสิบปีแล้ว แต่ร่องรอยเหล่านั้นเป็นรอยที่เก่าแก่มาก มีอายุถึงหลายพันล้านปี ส่วนหลักฐานที่พบในครั้งนี้เป็นรอยใหม่ที่มีอายุเพียงไม่กี่ล้านปี อาจเป็นได้ว่ามันเกิดขึ้นมาเมื่อสองสามปีก่อนนี้หรือไม่กี่วันก่อนนี้ก็ได้
หากแนวคิดของมาลินเป็นจริงย่อมส่งผลถึงสมมติฐานความเชื่อเกี่ยวกับดาวอังคารในปัจจุบันอย่างแน่นอน เพราะที่ละติจูดระดับนั้น พื้นดินน่าจะเย็นจัดจนเยือกแข็งเป็นความหนาประมาณ 3 ถึง 7 กิโลเมตร ซึ่งหนาเกินกว่าจะทำให้เกิดน้ำใต้ดินได้
ในขณะเดียวกันนักดาราศาสตร์บางคนไม่เห็นด้วยว่าร่องรอยที่ปรากฏนี้จะเกิดจากน้ำ ไมค์ คาร์ จาก U.S.. Geological Survey เสนอว่า มันน่าจะเป็นผลจากการกระทำของก๊าซมากกว่าน้ำ ก๊าซที่ว่านี้น่าจะเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ที่มาจากคลาเทรต (clathrate) ซึ่งเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ผสมกับน้ำที่อยู่ใต้ดิน
แน่นอนว่าการค้นพบครั้งนี้ยังจุดประกายความหวังที่จะพบสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารขึ้นอีกครั้งหนึ่งไม่เพียงแต่สิ่งมีชีวิตในยุคดึกดำบรรพ์เท่านั้น แต่ยังหมายถึงสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันอีกด้วย
นอกจากนี้หากว่าในบริเวณดังกล่าวยังมีน้ำอยู่จริง ย่อมทำให้โครงการนำมนุษย์ไปดาวอังคารในอนาคตเสียค่าใช้จ่ายน้อยลงมาก เพราะนักบินอวกาศไม่ต้องพกน้ำไปกับยานเป็นจำนวนมาก แต่สามารถไปหาเอาจากที่นั่นได้เลย นักบินอวกาศอาจจะเอามันมาดื่มกิน หรือนำมาสังเคราะห์ให้เป็นอากาศสำหรับหายใจ หรืออาจนำมาแยกไฮโดรเจนและออกซิเจนเพื่อทำเชื้อเพลิงสำหรับจรวดก็ได้
อย่างไรก็ตามนักดาราศาสตร์ในทีมสำรวจนี้ได้ย้ำว่า อย่าเพิ่งรีบร้อนนึกไปถึงการส่งมนุษย์ไปดาวอังคารในตอนนี้ เพราะหนทางยังอีกยาวไกลนัก กว่าจะถึงตอนนั้นเรายังมีการบ้านต้องทำอีกมาก
ยานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์ได้ถ่ายภาพพื้นผิวดาวอังคารด้วยความละเอียดสูง
หลักฐานที่พบส่วนใหญ่จะปรากฏตามผนังของหลุม
ไม่เพียงแต่ภาพที่คาดว่าเป็นร่องรอยของแหล่งน้ำที่พบเท่านั้น
ตามแบบจำลองที่ไมเคิล
ความจริงแล้วการพบร่องรอยของน้ำบนดาวอังคารไม่ใช่เรื่องแปลก
หากแนวคิดของมาลินเป็นจริง
ในขณะเดียวกัน
แน่นอนว่าการค้นพบครั้งนี้ยังจุดประกายความหวังที่จะพบสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้
อย่างไรก็ตาม