ดาวหางแซดทีเอฟ - C/2022 E3 (ZTF)
เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เป็นช่วงมีดาวหางดวงหนึ่งโคจรมาใกล้โลกและดวงอาทิตย์ ผลการสังเกตการณ์ที่ผ่านมาแสดงว่าดาวหางดวงนี้สว่างพอให้สังเกตได้ด้วยกล้องสองตาหรือกล้องโทรทรรศน์ของนักดาราศาสตร์สมัครเล่น โดยเฉพาะการสังเกตจากสถานที่ซึ่งท้องฟ้ามืด ห่างจากเมืองใหญ่ และไม่มีแสงสว่างจากแหล่งอื่นรบกวน แม้ว่าในทางเทคนิค ขณะสว่างที่สุดในช่วงสิ้นเดือนนี้ ดาวหางมีแนวโน้มสว่างเหนือระดับความสว่างของดาวจางที่สุดที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่การสังเกตด้วยตาเปล่าทำได้ยาก
ชื่อของดาวหางมาจากชื่อของโครงการแซดทีเอฟ(ZTF ย่อมาจาก Zwicky Transient Facility) เป็นโครงการสำรวจท้องฟ้ามุมกว้างด้วยกล้องโทรทรรศน์ที่ติดตั้งในหอดูดาวพาโลมาร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีวัตถุประสงค์ในการตรวจหาวัตถุที่มีการเปลี่ยนแปลงความสว่างอย่างรวดเร็ว เช่น ซูเปอร์โนวา แสงวาบรังสีแกมมา รวมไปถึงวัตถุเคลื่อนที่อย่างดาวหางและดาวเคราะห์น้อย ไม่กี่ปีที่ผ่านมา โครงการนี้ค้นพบดาวหางและดาวเคราะห์น้อยจำนวนมาก ทำให้ดาวหางหลายดวงใช้ชื่อเดียวกัน
นักดาราศาสตร์ในโครงการแซดทีเอฟค้นพบดาวหางดวงนี้เมื่อวันที่2 มีนาคม พ.ศ. 2565 ผลการคำนวณพบว่าก่อนหน้านี้มีวงโคจรเป็นวงรีที่มีความรีสูง อาจเคยเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มาแล้วเมื่อราว 50,000 ปีก่อน ดาวหางได้ผ่านใกล้ดาวเสาร์เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 ที่ระยะห่าง 1.177 หน่วยดาราศาสตร์ ทำให้วงโคจรเปลี่ยนเป็นไฮเพอร์โบลา หลังจากผ่านใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งนี้แล้วจะเคลื่อนห่างออกไปแล้วไม่กลับมาอีก
ศูนย์ดาวเคราะห์น้อยหรือเอ็มพีซีองค์กรที่รวบรวมข้อมูลการสังเกตวัตถุต่าง ๆ ในระบบสุริยะของสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ได้ตั้งชื่อวัตถุนี้ในบัญชีดาวหางว่า ซี/2022 อี3 (แซดทีเอฟ) -- C/2022 E3 (ZTF) ตัวอักษรและตัวเลขในชื่ออย่างเป็นทางการนี้ หมายความว่าเป็นดาวหางไม่มีคาบหรือดาวหางคาบยาว (C) ที่ค้นพบใน ค.ศ. 2022 โดยเป็นดาวหางดวงที่ 3 ที่ค้นพบในครึ่งแรกของเดือนมีนาคม (E) ส่วนในวงเล็บเป็นชื่อสามัญที่เรียกตามหน่วยงานที่ค้นพบ แต่ละปีมีการค้นพบดาวหางจำนวนมาก เกือบทั้งหมดมีความสว่างน้อย ไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า
ดาวหางแซดทีเอฟจะผ่านจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่13 มกราคม 2566 (ตามเวลาประเทศไทย) ที่ระยะ 1.1122 หน่วยดาราศาสตร์ (166 ล้านกิโลเมตร) ซึ่งไกลกว่าระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ และผ่านจุดใกล้โลกที่สุดในคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงเช้ามืดวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ระยะ 0.2839 หน่วยดาราศาสตร์ (42 ล้านกิโลเมตร) คาดว่าช่วงที่ใกล้โลกที่สุด ดาวหางจะสว่างที่สุดราวโชติมาตร 5 หรือ 6 ซึ่งเป็นระดับที่อาจเห็นได้จาง ๆ ด้วยตาเปล่าภายใต้ท้องฟ้ามืดสนิท
บนท้องฟ้ามีดาวฤกษ์และวัตถุจำนวนมากที่สว่างกว่าและใกล้เคียงระดับความสว่างของดาวหางดวงนี้จึงยากจะระบุตำแหน่ง จำเป็นต้องมีแผนที่ดาวซึ่งแสดงตำแหน่งของดาวหางเทียบกับดาวฤกษ์ ดาวหางมีลักษณะปรากฏเป็นดวงฝ้ามัว ใจกลางสว่างกว่าโดยรอบ อาจเห็นหางยืดออกไปเล็กน้อย แตกต่างจากดาวฤกษ์ที่เป็นจุดสว่าง หางของดาวหางส่วนใหญ่จะจางมาก ภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นหางที่สว่างและยืดยาวออกไปเกิดจากการเปิดรับแสงเป็นเวลานาน หรือการผนวกภาพถ่ายหลายภาพเข้าด้วยกัน
ดาวหางอยู่ไกลจากโลกในคืนหนึ่งจึงเหมือนอยู่นิ่งเมื่อเทียบกับดาวฤกษ์ฉากหลัง แต่สามารถสังเกตตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยเมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง แต่ละคืน ดาวหางเคลื่อนที่ไปบนฟ้าตามการหมุนของโลก จึงมีการขึ้น-ตกเช่นเดียวกับดาวต่าง ๆ บนท้องฟ้า
นักดาราศาสตร์ระบุความสว่างของวัตถุท้องฟ้าด้วยตัวเลขเรียกว่าโชติมาตร หรืออันดับความสว่าง ดาวที่สว่างกว่ามีโชติมาตรน้อยกว่าดาวที่จางกว่า ดาวที่มีโชติมาตรต่างกัน 1 อันดับ มีความสว่างต่างกันประมาณ 2.5 เท่า ดาวจางที่สุดที่ตาเปล่ามองเห็นภายใต้ท้องฟ้ามืดมีค่าประมาณ 6.5
กลางเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์2566 เป็นช่วงที่คาดว่าดาวหางจะสว่างกว่าโชติมาตร 7 และอาจสว่างที่สุดราวโชติมาตร 5-6 ในช่วงปลายเดือนมกราคม-ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ดาวหางดวงนี้มีจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดอยู่นอกวงโคจรของโลก จึงมีตำแหน่งบนท้องฟ้าห่างไกลจากดวงอาทิตย์ ทำให้สามารถสังเกตได้ในเวลาที่ท้องฟ้ามืด ไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์รบกวน อย่างไรก็ตาม ยังมีแสงจันทร์ที่เป็นอุปสรรคได้
ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม2565 เป็นต้นมา ดาวหางเคลื่อนที่อยู่บริเวณกลุ่มดาวมงกุฎเหนือ สว่างราวโชติมาตร 8 สังเกตได้ในเวลาเช้ามืด วันที่ 14 มกราคม 2566 ดาวหางจะเข้าสู่กลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ จากนั้นเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ผ่านพื้นที่ของกลุ่มดาวมังกร หมีเล็ก ยีราฟ สารถี และกลุ่มดาววัว
คืนวันที่1 กุมภาพันธ์ เป็นคืนที่ใกล้โลกที่สุด ดาวหางอยู่ในกลุ่มดาวยีราฟ เป็นกลุ่มดาวใกล้ขั้วฟ้าเหนือ ประเทศในละติจูดสูงจะสังเกตได้ดี ส่วนประเทศไทยซึ่งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ดาวหางมีตำแหน่งค่อนข้างต่ำ ทำให้ความสว่างลดลงเล็กน้อยเนื่องจากมวลอากาศ (วัตถุท้องฟ้ามีความสว่างน้อยลงเมื่อยิ่งใกล้ขอบฟ้ามากขึ้น) นอกจากนี้ยังมีแสงจากดวงจันทร์สว่างรบกวนอีกด้วย ช่วงที่สังเกตได้ดีที่สุดจึงเป็นคืนก่อนหน้านั้น คือช่วงก่อนรุ่งอรุณของวันที่ 18-31 มกราคม 2566
คืนวันที่11 กุมภาพันธ์ 2566 ดาวหางจะผ่านใกล้ดาวอังคารที่ระยะเชิงมุม 1° แต่คาดว่าจะจางลงไปที่โชติมาตร 6.5 การสังเกตดาวหางตลอดช่วงกลางเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์จะทำได้ดีด้วยกล้องสองตาและกล้องโทรทรรศน์ โดยอาศัยดาวฤกษ์ต่าง ๆ ในกลุ่มดาวที่ดาวหางเคลื่อนผ่าน ช่วยนำทางไปหาดาวหาง
●รู้จักดาวหาง
●แผนที่ฟ้าออนไลน์ แสดงตำแหน่งดาวและวัตถุท้องฟ้าในเวลาจริง
ชื่อของดาวหางมาจากชื่อของโครงการแซดทีเอฟ
นักดาราศาสตร์ในโครงการแซดทีเอฟค้นพบดาวหางดวงนี้เมื่อวันที่
ศูนย์ดาวเคราะห์น้อยหรือเอ็มพีซี
ดาวหางแซดทีเอฟจะผ่านจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่
บนท้องฟ้ามีดาวฤกษ์และวัตถุจำนวนมากที่สว่างกว่าและใกล้เคียงระดับความสว่างของดาวหางดวงนี้
ดาวหางอยู่ไกลจากโลก
นักดาราศาสตร์ระบุความสว่างของวัตถุท้องฟ้าด้วยตัวเลข
กลางเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์
ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม
คืนวันที่
คืนวันที่
ดูเพิ่ม
●
●