หลายคนคงเคยไฝ่ฝันว่าถ้าได้ท่องอวกาศสักครั้งหนึ่งในชีวิตก็คงดี จะได้ไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์บนดวงจันทร์ ไปเล่นสกีบนขั้วดาวอังคาร หรือไปชมวงแหวนดาวเสาร์ใกล้ ๆ
แต่ช้าก่อนทราบหรือไม่ว่าการเดินทางไปในอวกาศมีผลข้างเคียงด้านลบต่อสุขภาพหลายอย่าง
ในอวกาศเป็นที่อันตรายนักบินอวกาศที่เดินทางออกจากโลกไปไกล ๆ เป็นการเอาร่างกายออกไปรับรังสีคอสมิกจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นรังสีคอสมิกจากดาราจักร รังสีคอสมิกจากดวงอาทิตย์ รวมถึงอนุภาคที่วิ่งวนอยู่ในแถบรังสีแวนอัลเลน อนุภาคเหล่านี้สามารถวิ่งทะลุชุดอวกาศเข้ามายังเนื้อเยื่อของร่างกายจนทำลายโครงสร้างของดีเอ็นเอได้เลยทีเดียว ยิ่งใช้เวลาในอวกาศนานเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็ยิ่งมากขึ้น
โลกเรามีเกราะคุ้มกันรังสีคอสมิกหลายชั้นทั้งจากสนามแม่เหล็ก และบรรยากาศ สิ่งมีชีวิตบนโลกจึงปลอดภัยจากรังสีอันตรายดังกล่าว แต่หากใครก็ตามที่เดินทางออกไปพ้นแมกนีโทสเฟียร์ของโลกซึ่งเป็นเขตที่อยู่ในอิทธิพลของสนามแม่เหล็กโลก ย่อมหมายถึงเอาตัวเองไปรับรังสีอันตรายเหล่านั้นโดยตรง
ในประวัติศาสตร์มีมนุษย์ที่เคยไปออกไปไกลถึงเขตแดนนั้น 24 คน ซึ่งก็คือนักบินอวกาศในโครงการอะพอลโลที่พามนุษย์ไปถึงดวงจันทร์ ร่างกายของคนเหล่านี้อาจบอกอะไรได้ว่าเขาได้ผ่านอะไรมาบ้าง
ไมเคิลเดลป์ จากมหาวิทยาลัยฟลอริดาสเตตและคณะพบว่านักบินอวกาศที่เคยไปดวงจันทร์มีโอกาสตายด้วยโรคหัวใจมากกว่าคนอื่น ๆ ในอาชีพเดียวกันหลายเท่า
วิจัยนี้เริ่มจากการเปรียบเทียบประวัติด้านสุขภาพของนักบินอวกาศสามกลุ่มกลุ่มแรกคือนักบินในโครงการอะพอลโลที่ได้ไปเยือนดวงจันทร์ กลุ่มที่สองคือนักบินอวกาศที่เคยเป็นตัวเลือกที่จะได้ไปดวงจันทร์ซึ่งผ่านการฝึกเหมือนคนกลุ่มแรกแต่ไม่ได้ไป กลุ่มที่สามคือนักบินอวกาศที่เคยปฏิบัติภารกิจในอวกาศเฉพาะที่ระดับวงโคจรต่ำ
จากสถิติพบว่านักบินอวกาศในโครงการอะพอลโอที่ไม่เคยขึ้นอวกาศมีอัตราตายจากโรคหัวใจ 9 เปอร์เซ็นต์ นักบินอวกาศที่เคยปฏิบัติภารกิจในอวกาศเฉพาะที่วงโคจรต่ำมีอัตราตายจากโรคหัวใจ 11 เปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับคนวาสนาดีที่ได้ไปถึงดวงจันทร์มีอัตราตายจากโรคนี้ 43 เปอร์เซ็นต์ หรือสูงกว่าถึงห้าเท่า
ก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาเรื่องผลกระทบด้านสุขภาพของนักบินอวกาศมาก่อนแต่ไม่เคยมีการเอาบุคคลที่ฝึกเป็นนักบินอวกาศแต่ไม่ได้ขึ้นสู่อวกาศมาร่วมวิเคราะห์ด้วย การวิจัยนี้เป็นครั้งแรกที่มีการใช้บุคคลกลุ่มดังกล่าวมาร่วมเปรียบเทียบซึ่งใช้เป็นฐานอ้างอิงที่ดีกว่าการเทียบกับคนเดินถนนทั่วไป
"นี่เป็นหลักฐานแรกที่แสดงว่าการเดินทางในอวกาศส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะต่อระบบหัวใจและหลอดเหลือด"เดลป์กล่าว
นายแพทย์ริชาร์ดฮัฟสัน แพทย์ด้านหัวใจและหลอดเลือดผู้ไม่ได้อยู่ในคณะวิจัยนี้กล่าวว่า เป็นสมมุติฐานที่น่าสนใจมาก ก่อนหน้านี้ตนได้เคยศึกษาผลกระทบจากการเดินทางในอวกาศต่อหัวใจและหลอดเลือดมาก่อน พบว่ากลไกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการอยู่ในวงโคจรระดับต่ำส่วนใหญ่จะหายไปหลังจากกลับสู่พื้นโลก แต่ผลจากการอาบรังสีดูจะตกค้างอยู่เป็นเวลานาน
ไม่เพียงแต่การวิเคราะห์ประวัติสุขภาพนักบินอวกาศเท่านั้นงานวิจัยฉบับนี้ยังมีการทดสอบกับหนูทดลองด้วย โดยนำหนูทดลองจำนวนหนึ่งมาอาบรังสีในระดับใกล้เคียงกับที่นักบินอวกาศอะพอลโลได้รับขณะอยู่ในอวกาศ อีกส่วนหนึ่งให้อยู่ในสภาพจำลองภาวะไร้น้ำหนัก อีกส่วนหนึ่งต้องเผชิญกับภาวะทั้งสองอย่าง ผลพบว่าทั้งหนูที่ผ่านการอาบรังสีและหนูที่ผ่านการจำลองสภาพไร้น้ำหนักอย่างใดอย่างหนึ่งมีความเสียหายเกี่ยวกับหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของหัวใจวายและเส้นเลือดในสมองแตก ส่วนหนูที่ผ่านทั้งการอาบรังสีและสภาพไร้น้ำหนักยิ่งมีความเสียหายร้ายแรงกว่า หลังจากผ่านสภาพจำลองอวกาศไปแล้ว 6-7 เดือน ซึ่งเดลป์กล่าวว่าเป็นระยะเวลาเทียบเท่ากับ 20 ปีในอายุขัยมนุษย์ พบว่ามีเพียงหนูที่ผ่านการอาบรังสีเท่านั้นที่ยังมีความเสียหายในหลอดเลือดหลงเหลืออยู่
"นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการอาบรังสีอยู่ในอวกาศเป็นเวลานานเท่านั้นจึงจะเป็นอันตรายแต่การศึกษาครั้งนี้ชี้ว่าแม้การเดินทางที่กินเวลาเพียงสองสัปดาห์ก็เป็นอันตรายแล้ว" เดลป์กล่าว
ขณะนี้องค์การอวกาศจากนานาชาติเริ่มตั้งเป้าหมายใหม่ไปที่การส่งคนไปเยือนยังที่ไกลกว่าที่เคยไปเช่นดาวอังคาร รวมถึงการกลับไปเยือนดวงจันทร์อีกครั้ง งานวิจัยฉบับนี้จะช่วยเตือนให้องค์การอวกาศต้องทบทวนให้ดี รวมถึงวางระบบป้องกันนักบินให้แน่นหนารัดกุมยิ่งกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามงานวิจัยของเดลป์ฉบับนี้ได้รับการวิจารณ์ทางลบค่อนข้างมาก โดยเฉพาะจำนวนของกลุ่มตัวอย่าง ตัวเลข 43 เปอร์เซ็นต์ที่แสดงถึงอัตราตายด้วยโรคหัวใจของนักบิวอวกาศที่เคยไปดวงจันทร์ได้มาจากจำนวนสามในเจ็ดคนซึ่งถือว่ายังน้อยเกินกว่าจะมาใช้อ้างอิงได้ นอกจากนี้ยังขาดข้อมูลสำคัญด้านอื่นที่ควรนำมาประกอบอีก เช่นพฤติกรรมอื่นของนักบินอวกาศที่ตาย
"ถ้าจะให้ได้คำตอบที่แน่นอนนักบินอวกาศที่เดินทางไปดวงจันทร์ในอนาคต จำเป็นต้องทดสอบการทำงานหลอดเลือดของตนเองด้วย จะได้รู้กันกระจ่างไปเลย" นายแพทย์อัฟสันเสริมทิ้งท้าย
แต่ช้าก่อน
ในอวกาศเป็นที่อันตราย
โลกเรามีเกราะคุ้มกันรังสีคอสมิกหลายชั้น
ในประวัติศาสตร์
ไมเคิล
วิจัยนี้เริ่มจากการเปรียบเทียบประวัติด้านสุขภาพของนักบินอวกาศสามกลุ่ม
จากสถิติพบว่า
ก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาเรื่องผลกระทบด้านสุขภาพของนักบินอวกาศมาก่อน
"นี่เป็นหลักฐานแรกที่แสดงว่าการเดินทางในอวกาศส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะต่อระบบหัวใจและหลอดเหลือด"
นายแพทย์ริชาร์ด
ไม่เพียงแต่การวิเคราะห์ประวัติสุขภาพนักบินอวกาศเท่านั้น
"นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการอาบรังสีอยู่ในอวกาศเป็นเวลานานเท่านั้นจึงจะเป็นอันตราย
ขณะนี้องค์การอวกาศจากนานาชาติเริ่มตั้งเป้าหมายใหม่ไปที่การส่งคนไปเยือนยังที่ไกลกว่าที่เคยไป
อย่างไรก็ตาม
"ถ้าจะให้ได้คำตอบที่แน่นอน