สตีเฟน ฮอว์กิง เสียชีวิตแล้ววันนี้ด้วยวัย 76 ปีอย่างสงบที่บ้านในเคมบริดจ์
สตีเฟนวิลเลียม ฮอว์กิง เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวอังกฤษ มีผลงานโดดเด่นในด้านทฤษฎีเกี่ยวกับหลุมดำและสัมพัทธภาพ มีงานเขียนหนังสือหลายเล่ม หนึ่งในนั้นเป็นที่รู้จักกันดีคือ "A Brief History of Time" ซึ่งขายได้มากกว่าสิบล้านเล่มทั่วโลก ทำให้เขากลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลกนับจาก แอลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ลูเคเชียนด้านคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับที่ เซอร์ไอแซก นิวตัน เคยดำรงมาแล้ว ฮอว์กิงได้ชื่อว่าเป็นนักฟิสิกส์อัจฉริยะเทียบเท่าไอนส์ไตน์จนบางคนถึงกับกล่าวว่าฮอว์กิงคือไอนส์ไตน์ยุคใหม่
มิเพียงแต่เป็นอัจฉริยะในด้านฟิสิกส์เท่านั้นฮอว์กิงยังมีความโดดเด่นในด้านความสามารถในการอธิบายเรื่องวิทยาศาสตร์ที่เป็นเรื่องยากแก่สาธารณชนให้เข้าใจได้ง่าย อีกทั้งยังร่ำรวยอารมณ์ขันอย่างร้ายกาจ
"ทั้งฟิสิกส์และการสื่อสารเป็นทักษะที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ฮอว์กิงมีความเป็นเลิศในทั้งสองด้าน" ราฟาเอล โบโซ จากมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ณ เบิร์กลีย์ ลูกศิษย์คนหนึ่งฮอว์กิงกล่าว
ในปี2517 เขาได้ใช้ฟิสิกส์ควอนตัมในการอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณใกล้ขอบฟ้าเหตุการณ์ ซึ่งถือว่าเป็นผิวของหลุมดำ ซึ่งพิสูจน์ออกมาได้ว่าหลุมดำไม่ได้ดำสนิทเสียทีเดียว หากแต่แผ่รังสีออกมาได้เล็กน้อย รังสีนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ รังสีฮอว์กิง
ฮอว์กิงมีบทบาทสำคัญในการค้นคว้ามหาทฤษฎีเอกภาพที่ถือว่าเป็นสุดยอดของทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่จะอธิบายปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ได้ทั้งหมด และยังเป็นการคลายความขัดแย้งระหว่างทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของแอลเบิร์ต ไอนส์ไตน์ซึ่งอธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุขนาดใหญ่กับทฤษฎีกลศาสตร์ควอนตัมที่อธิบายพฤติกรรมของสสารในพิสัยเล็กระดับอะตอม
อย่างไรก็ตามในปีที่แล้ว เขาได้แสดงความเห็นออกมาว่า ทฤษฎีเอกภาพอาจไม่มีอยู่จริง
ภาพลักษณ์หนึ่งที่ทำให้ฮอว์กิงเป็นที่จดจำได้ดีก็คือร่างกายที่ซูบผอมนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อตลอดเวลา เนื่องจากเขาเป็นโรคอะไมโอโทรฟิกแลเทอรัลสเกลอโรซิส ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเซลประสาทเสื่อม ฮอว์กิงเริ่มมีอาการนี้ในปี 2506 โดยปกติคนที่ป่วยเป็นโรคนี้มักจะตายภายใน 3-5 ปี แต่เขากลับสร้างสถิติใหม่ในวงการแพทย์ด้วยการมีชีวิตต่อมาได้อีกถึงกว่า 50 ปี ในปี 2528 อาการปอดบวมได้เล่นงานเขาจนต้องพึ่งท่อช่วยหายใจตลอดเวลานับจากนั้น การสื่อสารกับคนอื่นต้องอาศัยเครื่องสังเคราะห์เสียงพูดที่รับข้อความจากคีย์บอร์ดที่อยู่หน้าเก้าอี้ล้อเท่านั้น
ฮอว์กิงเกิดเมื่อวันที่8 มกราคม 2485 ในอ็อกซ์ฟอร์ด เติบโตขึ้นมาในครอบครัวปัญญาชน บิดาและมารดาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดทั้งคู่ สำเร็จการศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เคยสมรสสองครั้ง ครั้งแรกกับ เจน ไวลด์ มีบุตรสามคน ลูซี รอเบิร์ต และทิม ทั้งสองหย่าขาดกันในปี 2533 ต่อมาอีกสี่ปี เขาแต่งงานใหม่กับพยาบาลผู้ดูแลของตนชื่อ เอเลน เมสัน ต่อมาในปี 2549 ก็แยกทางกัน อย่างไรก็ตาม เป็น เจน ไวลด์ บุคคลที่ฮอว์กิงเคยกลาวถึงว่าเป็น "คนที่ผมอยู่เพื่อเขา" ที่อยู่เคียงข้างเขาจนลมหายใจสุดท้าย
เรื่องราวของฮอว์กิงถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์ในปี2557 เรื่อง The Theory of Everything โดยเอดดี เรดเมย์น รับบทเป็นฮอว์กิง
ร่างของฮอว์กิงจะถูกฝังณ เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ เคียงข้างนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก เช่นเซอร์ไอแซก นิวตัน, ชาลส์ ดาร์วิน, เออร์เนสต์ รัตเทอร์ฟอร์ด และ โจเซฟ จอห์น ทอมสัน
สตีเฟน
มิเพียงแต่เป็นอัจฉริยะในด้านฟิสิกส์เท่านั้น
"ทั้งฟิสิกส์และการสื่อสาร
ในปี
ฮอว์กิงมีบทบาทสำคัญในการค้นคว้ามหาทฤษฎีเอกภาพ
อย่างไรก็ตาม
ภาพลักษณ์หนึ่งที่ทำให้ฮอว์กิงเป็นที่จดจำได้ดีก็คือ
ฮอว์กิงเกิดเมื่อวันที่
เรื่องราวของฮอว์กิงถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์ในปี
ร่างของฮอว์กิงจะถูกฝัง