สมาคมดาราศาสตร์ไทย

ดาวหางเลนเนิร์ด - C/2021 A1 (Leonard)

ดาวหางเลนเนิร์ด - C/2021 A1 (Leonard)

30 พฤศจิกายน 2564
ปรับปรุงครั้งล่าสุด 12 มกราคม 2565
โดย: วรเชษฐ์ บุญปลอด
ต้นปี 2564 นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบดาวหางดวงหนึ่ง ต่อมาหลังจากค้นพบไม่นาน สามารถคำนวณได้ว่าดาวหางนี้ซึ่งเป็นดาวหางดวงแรกที่ค้นพบในปี 2564 จะโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในเดือนมกราคม 2565 และมีโอกาสสว่างถึงราวโชติมาตร ซึ่งเป็นระดับที่สังเกตได้ง่ายด้วยกล้องสองตา (ต้องทราบตำแหน่งที่แน่นอนบนท้องฟ้า) หากเป็นไปตามที่คาดหมาย จะเป็นดาวหางที่สว่างที่สุดที่สังเกตได้จากพื้นโลกของปีนี้

ดาวหางเลนเนิร์ดเมื่อวันที่ ธันวาคม 2564 (จาก พรชัย อมรศรีจิรทร)

ศูนย์ดาวเคราะห์น้อยหรือเอ็มพีซี องค์กรที่รวบรวมข้อมูลการสังเกตวัตถุต่าง ๆ ในระบบสุริยะของสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ได้ตั้งชื่อวัตถุนี้ในบัญชีดาวหางว่า ซี/2021 เอ (เลนเนิร์ด) -- C/2021 A1 (Leonard) ตัวอักษรและตัวเลขในชื่ออย่างเป็นทางการนี้ แปลความหมายได้ว่าเป็นดาวหางไม่มีคาบหรือดาวหางคาบยาว (C) ที่ค้นพบใน ค.ศ. 2021 โดยเป็นดาวหางดวงแรก (1) ที่ค้นพบในครึ่งแรกของเดือนมกราคม (A) ส่วนในวงเล็บเป็นชื่อสามัญที่เรียกตามชื่อสกุลของผู้ค้นพบ
เกรกอรี เจ. เลนเนิร์ด นักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ และนักวิจัยชาวอเมริกัน ประจำอยู่ที่คณะวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ มหาวิทยาลัยแอริโซนา เป็นผู้ค้นพบดาวหางดวงนี้จากภาพถ่ายผ่านกล้องโทรทรรศน์ขนาด 1.5 เมตร ในหอดูดาวเมาต์เลมมอน ตั้งอยู่บนภูเขาเลมมอน เทือกเขาซานตาแคทาลินา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองทูซอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ขณะค้นพบ ดาวหางสว่างที่โชติมาตร 19
การพยากรณ์ถึงขณะนี้คาดหมายว่าดาวหางเลนเนิร์ดมีโอกาสจะสังเกตได้ด้วยกล้องสองตาและกล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็ก คาดว่าจะสว่างที่สุดในกลางเดือนธันวาคม 2564 แต่เป็นช่วงที่ดาวหางอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ สังเกตได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากดาวหางขึ้นและตกในเวลาใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์

วงโคจรของดาวหาง


ดาวหางเลนเนิร์ดมีวงโคจรที่มีความเยื้องศูนย์กลางหรือความรีสูง หากเทียบกับดวงอาทิตย์คำนวณได้ว่ามีวงโคจรเป็นไฮเพอร์โบลา ไม่สามารถคำนวณคาบการโคจรได้ แต่หากเทียบกับศูนย์ระบบมวลของระบบสุริยะ ซึ่งคำนวณมวลของดาวเคราะห์ต่าง ๆ ร่วมด้วย พบว่าช่วงที่กำลังเคลื่อนเข้ามานี้ ดาวหางมีวงโคจรเป็นวงรี ก่อนหน้านี้จึงอาจเคยผ่านเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์แล้วเมื่อราว 80,000-90,000 ปีก่อน แต่หลังจากผ่านใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งนี้ แรงโน้มถ่วงรบกวนจากดาวเคราะห์และวัตถุต่าง ๆ ทำให้วงโคจรเปลี่ยนเป็นไฮเพอร์โบลา จึงไม่กลับมาอีก
ดาวหางเลนเนิร์ดมีระนาบวงโคจรทำมุมเอียงประมาณ 133° กับระนาบวงโคจรโลก วงโคจรที่มีความเอียงมากกว่า 90° แปลว่าเคลื่อนที่ในทิศทางตรงข้ามกับโลก หากมองลงมาจากเหนือระนาบวงโคจรโลก ดาวหางเคลื่อนที่ในทิศตามเข็มนาฬิกา ขณะที่โลกเคลื่อนที่ไปในทิศทวนเข็มนาฬิกา
ที่จุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ดาวหางอยู่ห่างดวงอาทิตย์ 0.615 หน่วยดาราศาสตร์ จึงใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลกและดาวศุกร์ ดาวหางจะเคลื่อนผ่านตำแหน่งนี้่ในวันที่ มกราคม 2565 นับเป็นระยะเวลาหนึ่งปีพอดีหลังจากวันที่ค้นพบ

ลักษณะปรากฏของดาวหาง


ดาวหางปรากฏเป็นดวงฝ้ามัว มีใจกลางสว่าง แตกต่างจากดาวฤกษ์หรือดาวเคราะห์ที่เป็นจุด เราอาจสังเกตเห็นหางได้จาง ๆ ส่วนใหญ่หางจะปรากฏชัดเจนเฉพาะในภาพถ่ายที่เปิดรับแสงเป็นเวลานาน ดาวหางแต่ละดวงมีอัตราการระเหิดและปริมาณของอนุภาคที่กลายเป็นหางฝุ่นไม่เท่ากัน ทำให้มีลักษณะและความสว่างแตกต่างกัน
ดาวหางอยู่ไกลจากโลก ในคืนหนึ่งจึงเหมือนอยู่นิ่งเมื่อเทียบกับดาวฤกษ์ฉากหลัง แต่สามารถสังเกตตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยเมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง แต่ละคืน ดาวหางเคลื่อนที่ไปบนฟ้าตามการหมุนของโลก จึงมีการขึ้น-ตกเช่นเดียวกับดาวต่าง ๆ บนท้องฟ้า

ตำแหน่งดาวหางในประเทศไทย


ประเทศไทยมีโอกาสสังเกตดาวหางดวงนี้ได้โดยแบ่งออกเป็นสองช่วง ช่วงแรกดาวหางอยู่บนท้องฟ้าด้านทิศตะวันออกในเวลาเช้ามืด หลังจากกลางเดือนธันวาคม ดาวหางจะย้ายไปอยู่บนท้องฟ้าด้านทิศตะวันตกในเวลาหัวค่ำ
ปลายเดือนพฤศจิกายน 2564 ดาวหางเลนเนิร์ดเคลื่อนที่อยู่ในซีกฟ้าเหนือ รายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ดาวหางสว่างที่ราวโชติมาตร 7-8 ซึ่งพอจะสังเกตผ่านกล้องได้แล้ว แต่ยังไม่สว่างพอจะเห็นด้วยตาเปล่า
ต้นเดือนถึงกลางเดือนธันวาคม ดาวหางเลนเนิร์ดอยู่บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืด เคลื่อนผ่านกลุ่มดาวผมเบเรนิซ หมาล่าเนื้อ คนเลี้ยงสัตว์ งู และเฮอร์คิวลีส ระหว่างนั้นคาดว่าความสว่างจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจากราวโชติมาตร ไปที่โชติมาตร 4

ตำแหน่งดาวหางเทียบกับกลุ่มดาวในช่วงวันที่  1-11 ธันวาคม 2564 ขอบฟ้าที่แสดงในภาพเป็นขอบฟ้าของวันที่ 11 ธันวาคม เวลา 05:10 น. เมื่อสังเกตจากบริเวณกรุงเทพฯ และใกล้เคียง หรือเทียบได้กับเวลาประมาณ ชั่วโมง ก่อนเวลาดวงอาทิตย์ขึ้น ดาวหางผ่านใกล้กระจุกดาวทรงกลมเอ็ม (M3) ในวันที่ ธันวาคม ซึ่งคาดว่าดาวหางและกระจุกดาวนี้อาจสว่างใกล้เคียงกัน ดาวหางมีความสว่างน้อย ควรใช้กล้องสองตาหรือกล้องโทรทรรศน์ในการสังเกต การหาดาวหางบนท้องฟ้าให้ใช้ดาวสว่าง เช่น ดาวดวงแก้ว และดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เคียงช่วยนำทาง (ดาวหางในภาพใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงตำแหน่งและทิศทางของหางเท่านั้น ดาวหางที่ปรากฏบนท้องฟ้าจริงมีความสว่างน้อย ไม่เด่นสะดุดตา ต้องใช้กล้องช่วยในการสังเกต) (จาก Stellarium)

ดาวหางเลนเนิร์ดจะผ่านใกล้โลกที่สุดในวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2564 ที่ระยะ 0.233 หน่วยดาราศาสตร์ คาดว่าสว่างที่โชติมาตร อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงู วันนี้ดาวหางอยู่ทางทิศตะวันออกในเวลาเช้ามืด เมื่อดาวหางขึ้นเหนือขอบฟ้า ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแล้ว ทำให้สังเกตได้ค่อนข้างยาก ยกเว้นว่าเกิดเหตุการณ์ที่ดาวหางปะทุความสว่างกว่าที่คาดหมายหลายเท่า หรือมีหางที่สว่างและยาวเป็นพิเศษ ซึ่งอาจทำให้พอจะสังเกตได้จาง ๆ ด้วยตาเปล่า แนะนำให้หาสถานที่ซึ่งท้องฟ้าด้านทิศตะวันออกเปิดโล่ง

ตำแหน่งดาวหางในเช้ามืดวันที่ 12 ธันวาคม 2564 เวลา 05:50 น. หรือราว 40 นาที ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น เป็นวันที่ดาวหางใกล้โลกที่สุด ปรากฏอยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงู จะเห็นว่าเมื่อดาวหางขึ้นเหนือขอบฟ้า ท้องฟ้าสว่างขึ้นแล้ว หากดาวหางไม่สว่างนัก จะสังเกตได้ยาก (จาก Stellarium)

หลังจากผ่านจุดใกล้โลกที่สุด ดาวหางเลนเนิร์ดจะย้ายไปปรากฏบนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำ เริ่มสังเกตได้ตั้งแต่ค่ำวันที่ 15 ธันวาคม โดยอยู่ในกลุ่มดาวคนยิงธนู วันนั้นดาวหางยังอยู่ใกล้ขอบฟ้าในเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มมืด หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ทำมุมห่างดวงอาทิตย์และสูงเหนือขอบฟ้ามากขึ้นทุกวัน แต่ความสว่างจะลดลงเนื่องจากห่างโลกมากขึ้น เคลื่อนผ่านกลุ่มดาวคนยิงธนู และผ่านใกล้ดาวศุกร์ในค่ำวันที่ 18 ธันวาคม โดยอยู่ทางทิศใต้ (ซ้ายมือ) ของดาวศุกร์ที่ระยะห่าง 5° (ระยะห่างเชิงเส้นในอวกาศห่างกันเพียง 0.028 หน่วยดาราศาสตร์ หรือราว ล้านกิโลเมตร)
วันที่ 21 ธันวาคม 2564 ดาวหางเข้าสู่กลุ่มดาวกล้องจุลทรรรศน์ คาดว่าความสว่างจะลดลงไปที่ราวโชติมาตร วันที่ 30 ธันวาคม เข้าสู่กลุ่มดาวปลาใต้ จางลงไปที่ราวโชติมาตร อาจสังเกตได้ต่อไปถึงราวต้นเดือนหรือกลางเดือนมกราคม 2565 คาดว่าดาวหางอาจสว่างราวโชติมาตร หลังจากนั้นดาวหางจะทำมุมเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น และอยู่ต่ำใกล้ขอบฟ้าในเวลาพลบค่ำ ทำให้ไม่สามารถสังเกตต่อไปได้

ตำแหน่งดาวหางเทียบกับกลุ่มดาวในช่วงวันที่  15-30 ธันวาคม 2564 ขอบฟ้าที่แสดงในภาพเป็นขอบฟ้าของวันที่ 15 ธันวาคม เวลา 18:40 น. เมื่อสังเกตจากบริเวณกรุงเทพฯ และใกล้เคียง หรือเทียบได้กับเวลาประมาณ ชั่วโมง หลังเวลาดวงอาทิตย์ตก (ดาวหางในภาพใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงตำแหน่งและทิศทางของหางเท่านั้น ดาวหางที่ปรากฏบนท้องฟ้าจริงมีความสว่างน้อย ไม่เด่นสะดุดตา ต้องใช้กล้องช่วยในการสังเกต) (จาก Stellarium)

ที่น่าสนใจคือในช่วงประมาณวันที่ 9-20 ธันวาคม นักดาราศาสตร์คาดหมายว่าการกระเจิงของแสงในหางฝุ่นอันเกิดจากตำแหน่งดาวหางที่ทำมุมเกือบอยู่ในแนวระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ และอยู่ใกล้ระนาบวงโคจรโลก อาจช่วยให้ดาวหางมีความสว่างเพิ่มขึ้นจากที่คาดหมายได้

ความสว่างที่ไม่แน่นอน


เราทราบตำแหน่งดาวหางได้ชัดเจนจากการคำนวณวิถีโคจรที่มีความแม่นยำค่อนข้างสูง โอกาสคลาดเคลื่อนของตำแหน่งมีเพียงเล็กน้อย สิ่งที่ไม่แน่นอนมากกว่าคือความสว่างของดาวหาง นักดาราศาสตร์ทำได้เพียงคาดคะเนแนวโน้มที่อาจเป็นไปได้ โดยอาศัยแบบจำลองมาตรฐานที่ได้จากการศึกษาความเปลี่ยนแปลงของดาวหางดวงอื่น ๆ ในอดีต ความแตกต่างของดาวหางแต่ละดวง ทั้งขนาด พื้นผิว องค์ประกอบ แหล่งกำเนิด ปฏิกิริยาต่อรังสีจากดวงอาทิตย์ สภาพแวดล้อมในอวกาศที่ดาวหางอยู่ ฯลฯ ทำให้การพยากรณ์ความสว่างของดาวหางมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้
รายงานล่าสุด ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 มีข่าวที่ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากพบว่าความสว่างของดาวหางเลนเนิร์ดเกือบคงที่ต่อเนื่องมาหลายวัน โดยอยู่ที่ราวโชติมาตร จางกว่าที่คาดไว้ราว อันดับ ซึ่งอาจเกิดจากแสงจันทร์รบกวนตลอดช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านั้น สิ่งที่นักดาราศาสตร์กังวลคืออาจเกิดเหตุการณ์ที่นิวเคลียสของดาวหางเริ่มแสดงสัญญาณของการแตกออกเป็นหลายชิ้น ซึ่งเกิดขึ้นกับดาวหางหลายดวงในอดีต อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนพอจะสรุปได้ว่ากำลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ ต้องรอดูผลการสังเกตการณ์เพิ่มเติม

วันที่ 20 ธันวาคม 2564 มีรายงานว่าดาวหางปะทุความสว่างขึ้นไปอยู่ที่โชติมาตร ถึง สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า วันที่ 22 ธันวาคม ดาวหางจางลงไปที่โชติมาตร 4-5 ต่อมาวันที่ 24 ธันวาคม มีรายงานว่าดาวหางกลับสว่างขึ้นอีกครั้ง ไปอยู่ที่โชติมาตร 3-4 หลังจากนั้นลดลงไปที่โชติมาตร ดาวหางมีตำแหน่งอยู่ค่อนข้างต่ำใกล้ขอบฟ้าในแสงสนธยา บรรยากาศที่หนาแน่นใกล้ขอบฟ้า ทำให้ความสว่างลดลงไปได้อีก ต้องใช้กล้องช่วยในการสังเกต แม้ว่าความสว่างคาดการณ์ควรจะมีแนวโน้มลดลงตามระยะห่างจากโลกที่มากขึ้น แต่เนื่องจากดาวหางยังคงเคลื่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อย ๆ โอกาสที่ความสว่างจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกยังคงมีอยู่ (จาก COBS)

ดูเพิ่ม


 รู้จักดาวหาง
 แผนที่ฟ้าออนไลน์ แสดงตำแหน่งดาวและวัตถุท้องฟ้าในเวลาจริง